เปิดข้อกฎหมาย “ฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ” ที่ “ทนายตั้ม” โดนกล่าวหา ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เห็น-หาดูยาก
จากกรณีที่พนักงานสอบสวน บก.ป.ได้ยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก นายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ผู้ต้องคดีฉ้อโกง , ฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (18), มาตรา 5, มาตรา 9 วรรคสอง และมาตรา 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
โดยในคำร้องฝากขังของพนักงานสอบสวน ได้บรรยายว่าการกระทำของทนายตั้ม ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นความผิดฐาน “ฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ” ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 อยู่ด้วยนั้น
“ฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ” ไม่เคยได้ยินมาก่อน
แหล่งข่าวจากอัยการคนหนึ่ง กล่าวว่า ความผิดฐาน “ฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ” นั้น ตนไม่เคยได้ยินมาก่อน คดีของทนายตั้มถือเป็นคดีแรกเท่าที่เคยพบ ที่ผ่านมาไม่ค่อยพบว่ามีคนเคยถูกแจ้งข้อหาดังกล่าว การดำเนินคดีอาญาข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ถือว่าเป็นก้าวย่างที่สำคัญของการนำกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ มาผสมผสานกัน กล่าวคือ ข้อหาฉ้อโกง เป็นความผิดที่อยู่ในประมวลกฎหมายอาญา มีเฉพาะการฉ้อโกงบุคคลทั่วไปมาตรา 341 กับการฉ้อโกงประชาชนตามมาตรา 343 โดยคำว่า การฉ้อโกงเป็นปกติธุระ จะอยู่ในกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งเป็นมาตรการในการดำเนินคดี กับผู้โอน รับโอน ทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด และการยึดอายัดทรัพย์สิน โดยคำว่า เป็นปกติธุระ อาจมีความหมายความว่า เป็นบุคคลผู้มีหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการมรดกหรือผู้จัดการทรัพย์สิน แล้วกระทำการฉ้อโกง โดยหลอกลวง แล้วเอาไปซึ่งทรัพย์สินของบุคคลอื่น ไปจำนวนหลายครั้งหลายคราเป็นอาจิณ
กรณีที่เกิดถือว่าเป็นบุคคลซึ่งลูกความให้ความไว้วางใจมอบหมายให้ทำหน้าที่ในทางกฎหมาย เกี่ยวกับคดีความของตน แต่ทนายความคนดังกล่าว กลับกระทำการผิดต่อหน้าที่ โดยการหลอกลวง เอาทรัพย์สินของลูกความ ไปเป็นประโยชน์ส่วนตน โดยมิชอบด้วยกฎหมาย การกระทำการดังกล่าว จึงถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดหน้าที่ ที่ตนได้รับมอบหมาย และเป็นการกระทำที่ผิดมรรยาททนายอีกด้วย
ทั้งนี้ การดำเนินคดีกับทนายความในข้อหาดังกล่าว จึงถือว่าเป็นก้าวย่างสำคัญ ที่เป็นปรากฏการณ์ทางกฎหมายด้วย ในอันที่จะตัดวงจรอาชญากรรม และบังคับใช้กฎหมาย เพื่อคุ้มครองและให้ความเป็นธรรมกับสุจริตชนด้วย หลังจากนี้ก็จะต้องมีการยึดอายัดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.การฟอกเงิน ต่อไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ทนายตั้ม-ภรรยา’ เครียด สอบ 11 ชม. เผยไม่คิดหนี มั่นใจสู้คดีได้
- ‘ทนายตั้ม-ภรรยา’ เครียด คาดสอบปากคำยาวต่อเนื่องถึง 4 ทุ่ม
- นอนห้องขัง! ’ทนายตั้ม-เมีย’ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ตร.ไม่ให้ประกันตัว
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์ : https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- Twitter: https://twitter.com/BangkokInsigh
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yx