General

‘นิพิฏฐ์’ กาง 3 ข้อ หลักสำคัญดูธุรกิจขายตรงหรือฉ้อโกง?

“นิพิฏฐ์” กาง 3 ข้อ หลักสำคัญดูธุรกิจขายตรงหรือฉ้อโกง? ให้ดูที่ “รายได้ที่แท้จริง” ของผู้ประกอบการว่ามาจากอะไร 

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุงโพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ “ขายตรงหรือฉ้อโกง ?” ระบุว่า…ขายตรงหรือฉ้อโกง ? เพื่อนฝูงในแวดวงกฎหมายผู้ไม่ประสงค์เปิดเผยตน เห็นว่าผมแสดงความเห็นเรื่องธุรกิจขายตรงที่เป็นข่าวโด่งดังอยู่ในขณะนี้อยู่บ้าง ท่านก็ส่งคำอธิบายตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกามาให้ดู เพื่อให้ผมได้เขียนเป็นภาษาง่ายๆ ให้ความรู้แก่ประชาชน ว่า การขายสินค้าโดยให้สมัครเป็นสมาชิก และ ให้สมาชิกซื้อสินค้าจะเป็นการฉ้อโกงหรือไม่

ขายตรง

หลักคือ ให้ดูที่ “รายได้ที่แท้จริง” ของผู้ประกอบการว่ามาจากอะไร โดยมีหลัก 3 ประการ ดังนี้

  1. ถ้ารายได้ส่วนใหญ่มาจากการสมัครเป็นสมาชิก และ ให้หาสมาชิกไปเรื่อยๆ รายได้ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากการขายสินค้าอย่างนี้เป็นลักษณะของแชร์ลูกโซ่อันเป็นการฉ้อโกงประชาชน
  2. รายได้ส่วนใหญ่มาจากการสมัครสมาชิกและบังคับให้สมาชิกซื้อสินค้าจำนวนมากๆ แต่จริงๆ แล้วไม่สามารถขายสินค้านั้นได้ รายได้ที่เกิดเรียกว่า “รายได้หรือกำไรเทียม” อันเกิดจากการหลอกลวงอย่างนี้ก็มีลักษณะเป็นแชร์ลูกโซ่ ผิดกฎหมาย
  3. รายได้เกิดจากการขายสินค้าทั่วไปโดยไม่ได้มาจากการสมัครสมาชิก หรือการบังคับซื้อสินค้า อย่างนี้เป็นธุรกิจทั่วๆ ไปไม่ผิดกฎหมาย

ธุรกิจที่เป็นข่าวจะเป็นธุรกิจแบบไหนจึงต้องดูจาก “รายได้” ของบริษัทว่าเกิดจากอะไร เรื่องนี้มีแนวคำพิพากษาของศาลฎีกาอยู่หลายฎีกาเช่น ฎีกาที่ 2901 / 2547, 1172 / 2566, และ 326 / 2566 ผู้ที่สนใจสามารถไปอ่านรายละเอียด ในคำพิพากษาศาลฎีกาเหล่านั้นได้

ผมก็ไม่รู้ว่า กรณีที่เป็นข่าวโด่งดังในขณะนี้ เป็นการทำธุรกิจแบบไหน เพราะไม่ได้ติดตาม แต่หวังว่า ผู้ที่สนใจและติดตามจะได้ประโยชน์บ้างตามสมควร จึงนำมาเขียนให้อ่านกัน

แถมอีกนิด! อย่าคิดว่า เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายในสังคมไทย ในสมัยพุทธกาล เมื่อสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสรู้แล้ว มีผู้คนหลั่งไหลเดินทางไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อฟังธรรม พระสารีบุตร และ พระโมคคัลลานะ ตอนนั้นยังบวชเป็นปริพาชก อยู่ในสำนักของพระอาจารย์สัญชัยปริพาชก ได้บอกกับอาจารย์สัญชัย ว่า บัดนี้มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกแล้ว เราไปฟังธรรมของพระพุทธเจ้ากันเถิด อาจารย์สัญชัยจึงถามลูกศิษย์ทั้งสองว่า โลกนี้ คนโง่ กับ คนฉลาด อย่างไหนมีมากกว่ากัน พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ตอบว่า คนโง่มีมาก คนฉลาดมีน้อย พระอาจารย์สัญชัยปริพาชก เห็นแก่ลาภสักการะ จึงกล่าวกับลูกศิษย์ทั้งสองว่า งั้นเธอทั้งสองไปเถอะ อย่าห่วงเราเลย คนฉลาดจะไปยังสำนักของพระสมณโคดม ส่วนคนโง่จักมาสู่สำนักของเรา ขึ้นต้นด้วยธุรกิจที่โด่งดัง จบลงด้วยพุทธประวัติ งง ไม๊ล่ะครับ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo