จ่อออกหมายจับ “บอส ดิไอคอน” ตำรวจยันไม่เกิน 48 ชม. พร้อมดึง “ดีเอสไอ” ถกเป็นคดีพิเศษ พบผลประกอบการบางปีสูงถึง 5 พันล้าน
พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน รองโฆษก ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าคดี “ดิไอคอน กรุ๊ป” ว่า มียอดผู้เสียหายตอนนี้มีเข้าแจ้งความแล้ว 161 ราย คิดเป็นมูลความเสียหายรวม 62 ล้านบาท ขณะเดียวกันเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจ ปคบ. พร้อมเจ้าหน้าที่ สคบ. นำกำลังเข้าตรวจสอบสำนักงานหรือออฟฟิศของบริษัทดังกล่าว เพื่อค้นหาข้อมูลการทำธุรกิจ รวมถึงตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่บริษัทดังกล่าวอ้างว่าจำหน่าย จำนวน 15 รายการ โดยหลังจากนี้ทางตำรวจ ปคบ.จะนำตัวอย่างผลิตภัณฑ์ดังกล่าวส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจพิสูจน์ต่อไป
“จากแนวทางสืบสวนทราบว่าบริษัทดังกล่าว มีผลประกอบการบางปีสูงถึง 5 พันล้านบาท ทั้งที่มีผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายเพียง 15 รายการ ซึ่งก็ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่ายอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล่านี้สอดคล้องกับเงินรายได้บริษัทหรือไม่ และมีผลิตภัณฑ์ไปให้ประชาชนขายจริงหรือไม่ นอกจากนี้ตำรวจ ปคบ. ยังได้นำบัญชีธนาคารของผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท และกลุ่มดาวไลน์ จำนวนกว่า 120 บัญชี ส่งให้กับทาง ปปง. ช่วยตรวจสอบ วิเคราะห์หาธุรกรรมต้องสงสัยต่างๆ”
พ.ต.อ.อุเทน กล่าวอีกว่า สำหรับคดีนี้ ทาง ผบ.ตร. เองได้กำชับให้เร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด และเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้บริหารและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องของดิไอคอนกรุ๊ป ในความผิด “พ.ร.ก.กู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกง ,ฉ้อโกงประชาชน และ ฟอกเงิน” ซึ่งคาดว่าจะชัดเจนภายใน 48 ชั่วโมง ส่วนเรื่องทรัพย์สินแนวทางสืบสวนพบว่า ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นอสังหาริมทรัพย์ เคลื่อนย้าย หรือผ่องถ่ายยาก จึงไม่ได้กังวล เชื่อว่าสามารถตรวจยึดเฉลี่ยคืนผู้เสียหายได้
“ธุรกิจขายตรง กับธุรกิจตลาดแบบตรง สามารถขออนุญาตดำเนินกิจการได้อย่างถูกต้อง ซึ่งในเคสนี้เป็นธุรกิจตลาดแบบตรง ก็คือการทำธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขายผ่านออนไลน์ ซึ่งหากปฏิบัติถูกต้องก็ไม่ผิดกฎหมาย แต่ธุรกิจเหล่านี้จะมีเส้นบางๆ กั้นกลางกับคำว่า แชร์ลูกโซ่ ซึ่งก็ต้องมาดูว่าผลิตภัณฑ์เขามีมาตรฐานหาซื้อได้ตามท้องตลาดเหมือนสินค้าทั่วไปหรือไม่ รวมไปถึงวิธีการขาย เป็นการขายด้วยการใช้วิธีโปรโมท หรือเป็นการดำเนินธุรกิจในลักษณะระดมทุน หากเป็นระดมทุน หรือ มุ่งเน้นโฆษณาชวนเขื่อ ไม่ได้มุ่งเน้นขายคุณภาพสินค้า ก็จะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ไม่ใช่ตลาดตรง”
พ.ต.อ.อุเทน กล่าวอีกว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ ทางคณะทำงานเองมีการนัดประชุมกับเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการคลัง เพื่อหารือเกี่ยวกับการตั้งข้อหาผู้กระทำผิดให้ครบถ้วน จากนั้นในช่วงเย็นก็จะหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ว่าคดีดังกล่าวเข้าเงื่อนไขเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งหากเป็นคดีพิเศษ ทางตำรวจเองก็จะไม่ปล่อยมือ พร้อมประสานข้อมูลและอยู่ทำงานร่วมกับทางดีเอสไอต่อเนื่อง เพื่อลดช่องโหว่ทางคดี เบื้องต้นได้มีการประสานข้อมูลร่วมกันไวับ้างแล้ว”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า บุคคลแรกในคดีที่จะถูกออกหมายจับคือใคร และในส่วนของศิลปินดารา จะมีการออกหมายเรียกมาเข้าพบพนักงานสอบสวนหรือไม่ พ.ต.อ.อุเทน ตอบว่า สำหรับคดีนี้ยืนยันว่าจะดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่มีการออกหมายเรียก แต่เป็นการออกหมายจับเลย เพราะถือเป็นคดีที่มีอัตราโทษเกิน 3 ปี ขอเวลาไม่เกิน 48 ชั่วโมง จะชัดเจน เช่นเดียวกับเรื่องการเสียภาษี ทางสรรพากรได้มีการตรวจสอบเป็นเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะมีการแถลงรายละเอียดในวันอังคารหน้าที่จะถึงนี้ ถึงตอนนั้นก็จะรู้ว่ารายละเอียดยอดขายของบริษัทตรงหรือสอดคล้องกับรายได้ของบริษัทหรือไม่
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- รู้หรือไม่ ‘ธุรกิจขายตรง’ กับ ‘แชร์ลูกโซ่’ ต่างกันตรงไหน
- ‘ส.ขายตรงไทย’ แจงบริษัทที่เป็นข่าวไม่ใช่สมาชิก
- เปิด 6 ข้อสังเกต ‘แชร์ลูกโซ่’ ที่มาในรูปแบบธุรกิจขายตรง
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์ : https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- Twitter: https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yx