ศูนย์จีโนมฯ ชี้บทเรียนจากกรณีไข้หวัดนก H5N1 ในสหรัฐ ไทยควรเตรียมความพร้อมรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ระบุว่า ไทยควรเตรียมพร้อม: บทเรียนจากกรณีไข้หวัดนก H5N1 ในสหรัฐ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ กรณีการติดเชื้อไข้หวัดนกH5N1 ในรัฐมิสซูรี สหรัฐ ได้สร้างความสนใจให้กับวงการสาธารณสุขทั่วโลก ด้วยลักษณะที่แตกต่างจากกรณีอื่นๆ ที่เคยพบมาก่อน แม้ว่าสถานการณ์นี้จะเกิดขึ้นไกลจากประเทศไทย แต่มันเป็นโอกาสสำคัญที่เราจะได้เรียนรู้และพิจารณาแนวทางในการเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
สิ่งที่ทำให้กรณีนี้แตกต่าง
1. ไม่พบประวัติการสัมผัสสัตว์ในผู้ป่วย
2. ผู้ใกล้ชิดในบ้าน 1 ราย และบุคลากรทางการแพทย์ 6 รายในมิสซูรีมีอาการทางะบบทางเดินหายใจหลังสัมผัสผู้ป่วยไข้หวัดนกรายนี้
3. ตรวจพบผ่านระบบเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่ตามปกติ: กรณีนี้ถูกตรวจพบผ่านระบบเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่ทั่วไป ไม่ใช่การตรวจเฉพาะเจาะจงสำหรับ H5N1 ซึ่งมีนัยยะสำคัญหลายประการ:
- แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของระบบเฝ้าระวังโรคทั่วไปที่สามารถตรวจจับเชื้อที่ไม่คาดคิดได้
- บ่งชี้ว่าไวรัสอาจมีการแพร่กระจายในชุมชนโดยไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มผู้ที่สัมผัสสัตว์โดยตรง
- เน้นย้ำความสำคัญของการมีระบบเฝ้าระวังโรคที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ
- อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้การติดต่อในมนุษย์เกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น
4. พบการกลายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยพบในมนุษย์มาก่อน:
ในกรณีนี้ นักวิทยาศาสตร์พบการกลายพันธุ์ใหม่สองตำแหน่งบนจีโนมของไวรัสไข้หวัดนก H5N1 ที่ไม่เคยพบในไวรัสไข้หวัดนก ที่ติดต่อมายังมนุษย์มาก่อน ซึ่งมีนัยสำคัญหลายประการ:
ความสามารถในการติดต่อ: การกลายพันธุ์อาจทำให้ไวรัสมีความสามารถในการติดต่อจากคนสู่คนได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นความกังวลหลักในการควบคุมการแพร่ระบาด
การหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน: การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมอาจทำให้ไวรัสสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันที่มีอยู่ในประชากร ทำให้การป้องกันด้วยวัคซีนที่มีอยู่อาจมีประสิทธิภาพลดลง
ความรุนแรงของโรค: การกลายพันธุ์อาจส่งผลต่อความรุนแรงของโรค ซึ่งอาจทำให้อาการป่วยรุนแรงขึ้นหรือแตกต่างไปจากเดิม
ความท้าทายในการวินิจฉัย: การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมอาจทำให้การตรวจวินิจฉัยด้วยวิธีเดิมมีความแม่นยำลดลง จำเป็นต้องพัฒนาวิธีการตรวจใหม่
การพัฒนายาและวัคซีน: การกลายพันธุ์ใหม่อาจส่งผลให้ต้องมีการปรับปรุงยาต้านไวรัสและวัคซีนที่มีอยู่ หรือพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อให้มีประสิทธิภาพ
การพบการกลายพันธุ์ใหม่นี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเฝ้าระวังทางพันธุกรรมของไวรัสอย่างต่อเนื่อง และการเตรียมพร้อมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
แม้ว่าความเสี่ยงต่อประชาชนทั่วไปยังอยู่ในระดับต่ำ แต่เหตุการณ์นี้เป็นเสมือนสัญญาณเตือนว่าเราไม่ควรประมาท
ข้อเสนอแนะสำหรับการเตรียมความพร้อมในประเทศไทย
1. การเฝ้าระวังที่ครอบคลุม: อาจพิจารณาพัฒนาระบบเฝ้าระวังโรคที่ครอบคลุมทั้งในมนุษย์และสัตว์ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการเลี้ยงสัตว์ปีกและปศุสัตว์จำนวนมาก นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดนกไปยังโคนม ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดโรคประจำถิ่นเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในสหรัฐ การดำเนินการนี้อาจรวมถึง:
- การเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบสุขภาพของสัตว์ปีกและโคนมในฟาร์ม
- การส่งเสริมมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพในฟาร์มปศุสัตว์
- การพัฒนาระบบการตรวจจับการกลายพันธุ์ของไวรัสในสัตว์อย่างรวดเร็ว
- การสร้างความร่วมมือระหว่างเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีกและโคนมในการแจ้งเตือนและป้องกันการแพร่ระบาดข้ามสายพันธุ์
2. ความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน: การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรับมือกับสถานการณ์
3. การวิจัยและพัฒนา: การสนับสนุนการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของไวรัส และส่งเสริมการพัฒนาวัคซีนและยาต้านไวรัสอาจเป็นประโยชน์ในระยะยาว
4. การให้ความรู้แก่ประชาชน: การพิจารณาจัดทำแคมเปญให้ความรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงของไข้หวัดนกและวิธีป้องกันตัวอาจช่วยเสริมสร้างความตระหนักในสังคม
5. การเตรียมพร้อมระบบสาธารณสุข: การวางแผนจัดเตรียมทรัพยากรทางการแพทย์และฝึกอบรมบุคลากรอาจช่วยเพิ่มความพร้อมในการรับมือกับโรคติดต่ออุบัติใหม่
6. ความร่วมมือระหว่างประเทศ: การพิจารณาเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและองค์กรระหว่างประเทศในการแลกเปลี่ยนข้อมูลอาจเป็นประโยชน์ต่อการเฝ้าระวังในระดับภูมิภาค
7. แผนรับมือฉุกเฉิน: การทบทวนและปรับปรุงแผนรับมือการระบาดใหญ่ให้ทันสมัย โดยอาจนำบทเรียนจากการระบาดของ โควิด-19 มาประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสม
สิ่งที่ประชาชนสามารถทำได้
1. ติดตามข่าวสาร: รับข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและเป็นทางการ
2. ปฏิบัติตามหลักสุขอนามัย: ล้างมือบ่อยๆ และรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล
3. รายงานความผิดปกติ: หากพบสัตว์ปีกป่วยหรือตายผิดปกติ ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
4. ดูแลสุขภาพ: รักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน
5. เตรียมพร้อม ไม่ตระหนก: เรียนรู้วิธีป้องกันตัวและเตรียมพร้อมรับมือ แต่ไม่จำเป็นต้องกังวลเกินเหตุ
การเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามด้านสุขภาพเป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนในสังคม ด้วยการร่วมมือกันอย่างสร้างสรรค์ เราสามารถช่วยกันสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพให้กับประเทศไทยในระยะยาวได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- จับตา ‘ไข้หวัดนก’ ติดเชื้อจากคนสู่คน หลังบุคลากรทางการแพทย์ 6 รายในรัฐมิสซูรี มีอาการจากการสัมผัสผู้ป่วย
- เปรียบเทียบความแตกต่าง การระบาด ‘ไข้หวัดนก H5N1’ ในกัมพูชาและสหรัฐ ‘บทเรียนสำหรับไทย’
- เปรียบเทียบความแตกต่าง การระบาด ‘ไข้หวัด นก H5N1’ ในกัมพูชาและสหรัฐ ‘บทเรียนสำหรับไทย’
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์ : https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yx