General

ไทยได้อะไรจากราคานม ไข่ สัตว์ปีกในสหรัฐพุ่ง? หลังพบ ‘ไข้หวัดนก H5N1’ ติดเชื้อจากคนสู่คนรายแรก

ไทยได้อะไรจากราคานม ไข่ สัตว์ปีกในสหรัฐพุ่ง? หลังพบ “ไข้หวัดนก H5N1” ติดเชื้อจากคนสู่คนรายแรก

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics  เรื่อง “ไทยได้อะไรจากราคานม ไข่ สัตว์ปีกที่พุ่งขึ้นในสหรัฐ? บทวิเคราะห์ผลกระทบจากไข้หวัดนก H5N1” ดังนี้

สถานการณ์ล่าสุดของไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 รวมถึงกรณีที่พบในมนุษย์รายแรกที่ไม่มีการสัมผัสกับสัตว์ ได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่ออุตสาหกรรมสัตว์ปีก วัวนม และราคาอาหารที่เกี่ยวข้องในสหรัฐอเมริกา มาดู สถานการณ์ปัจจุบันเกี่ยวกับราคาขายส่งของไข่ สัตว์ปีก และนม

ไทยได้อะไร

ราคาไข่ในสหรัฐอเมริกา

ราคาไข่แสดงให้เห็นถึงความผันผวนอย่างมากและมีแนวโน้มสูงขึ้น:

  •  ราคาขายส่งไข่ขนาดใหญ่รายวันในนิวยอร์กเฉลี่ยอยู่ที่ 312.6 เซนต์ต่อโหลในเดือนกุมภาพันธ์ 2567
  • ณ เดือนมิถุนายน 2567 ราคาเฉลี่ยรายปีของไข่ที่คาดการณ์ไว้อยู่ที่ 180.0 เซนต์ต่อโหล ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปี 2566 แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง
  • ในเดือนพฤษภาคม 2567 ราคาขายส่งไข่ขนาดใหญ่รายวันในนิวยอร์กเฉลี่ยอยู่ที่ 182.4 เซนต์ต่อโหล ซึ่งสูงกว่าเดือนพฤษภาคมของปีก่อนหน้า 81.6 เซนต์

ราคาเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ แต่กำลังแสดงแนวโน้มที่สูงขึ้น ซึ่งอาจได้รับอิทธิพลจากสถานการณ์ การระบาดของไข้หวัดนก H5N1 ที่กำลังดำเนินอยู่

ราคาสัตว์ปีกในสหรัฐอเมริกา

ราคาสัตว์ปีก โดยเฉพาะไก่งวง กำลังประสบกับแรงกดดันขาขึ้นเช่นกัน:

  •  ราคาขายส่งไก่งวงแช่แข็งทั้งตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 103 เซนต์ต่อปอนด์ในเดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของเดือนเมษายน 10.4 เซนต์
  • แม้ว่าจะต่ำกว่าราคาของปีก่อนหน้า แต่แนวโน้มขาขึ้นนี้เป็นที่น่าสังเกต และอาจเป็นผลมาจากสถานการณ์ การระบาดของไข้หวัดนก H5N1 ที่ส่งผลกระทบต่อฝูงสัตว์ปีก

ราคานมในสหรัฐอเมริกา

แม้ว่าจะไม่มีข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับราคานมในผลการค้นหา แต่ควรทราบว่าผลิตภัณฑ์นมมักมีความผันผวนของราคาตอบสนองต่อแนวโน้มการเกษตรในวงกว้าง:

  •  ณ เดือนมิถุนายน 2567 ราคาขายปลีกของนมสดไขมันเต็มที่เสริมวิตามินอยู่ที่ 3.956 ดอลลาร์ต่อแกลลอน แสดงการเพิ่มขึ้น 2.4% จากเดือนก่อนหน้า

ไทยได้อะไร

ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อราคา

มีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดแรงกดดันขาขึ้นต่อราคาเหล่านี้:

  1. การระบาดของไข้หวัดนกชนิดรุนแรง HPAI (Highly Pathogenic Avian Influenza): ระหว่างวันที่ 2 เมษายนถึง 28 พฤษภาคม 2567 ไก่ไข่ 14 ล้านตัวสูญเสียไปเนื่องจากไข้หวัดนกสายพันธุ์รุนแรงในสี่รัฐ
  2. การผลิตที่ลดลง: การผลิตไข่ไก่รวมอยู่ที่ 639.9 ล้านโหลในเดือนเมษายน 2567 ลดลงประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
  3. การลดขนาดฝูง: จำนวนไก่ไข่เฉลี่ยลดลง 2.2 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ 309.3 ล้านตัวในเดือนเมษายน 2567
  4. การคาดการณ์การลดลง: USDA ได้ปรับลดการคาดการณ์สำหรับการผลิตไข่ไก่ในปี 2567 และ 2568 เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้

แม้ว่าราคาในปัจจุบันจะไม่ได้อยู่ในระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ แต่สถานการณ์การระบาดของไข้หวัดนก H5N1 ที่กำลังดำเนินอยู่และผลกระทบต่อฝูงสัตว์ปีกกำลังสร้างแรงกดดันขาขึ้นต่อราคาขายส่งสำหรับไข่และผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกอย่างชัดเจน สถานการณ์ยังคงเปลี่ยนแปลงได้ และจำเป็นต้องติดตามอย่างต่อเนื่องเพื่อประเมินผลกระทบทั้งหมดต่อห่วงโซ่อุปทานอาหารและราคาสินค้าสำหรับผู้บริโภค

ไทยได้อะไรจาก การติดตามข้อมูลราคานม ไข่ และสัตว์ปีกในสหรัฐพุ่ง

การติดตามข้อมูลราคานม ไข่ และสัตว์ปีกในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากการระบาดของไข้หวัดนก H5N1 สามารถมีประโยชน์ต่อประเทศไทยในหลายด้าน ดังนี้:

  1. การคาดการณ์แนวโน้มตลาดโลก

ข้อมูลราคาจากสหรัฐอเมริกาสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการและเกษตรกรไทยคาดการณ์แนวโน้มราคาในตลาดโลกได้ดีขึ้น เนื่องจากสหรัฐเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภครายใหญ่ของโลก การเปลี่ยนแปลงราคาในสหรัฐมักส่งผลกระทบต่อตลาดโลก ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย

  1. โอกาสทางการส่งออก

หากราคาในสหรัฐสูงขึ้นเนื่องจากการระบาดของ H5N1 อาจเป็นโอกาสให้ผู้ส่งออกไทยเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดโลก โดยเฉพาะในสินค้าที่ไทยมีศักยภาพ เช่น ไก่แปรรูป ไข่ และนม

  1. การเตรียมพร้อมรับมือการระบาด

ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบของไข้หวัดนก H5N1 ต่ออุตสาหกรรมสัตว์ปีกและวัวนมในสหรัฐ สามารถช่วยให้ไทยเตรียมพร้อมรับมือหากเกิดการระบาดในประเทศ ทั้งในด้านมาตรการป้องกัน และการวางแผนรองรับผลกระทบทางเศรษฐกิจ

  1. การปรับกลยุทธ์การผลิตและการตลาด

ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการปรับกลยุทธ์การผลิตและการตลาด เช่น การเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการที่อาจเพิ่มขึ้นในตลาดโลก หรือการปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค

  1. การวางแผนนโยบายด้านความมั่นคงทางอาหาร

รัฐบาลไทยสามารถใช้ข้อมูลนี้ประกอบการวางแผนนโยบายด้านความมั่นคงทางอาหาร เช่น การสำรองอาหาร หรือการส่งเสริมการผลิตภายในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้า

Screenshot 2024 09 10 111225

  1. การเรียนรู้จากมาตรการรับมือของสหรัฐ

ไทยสามารถเรียนรู้จากมาตรการที่สหรัฐใช้ในการรับมือกับการระบาดและผลกระทบทางเศรษฐกิจ เพื่อนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย

  1. การประเมินความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน

ข้อมูลนี้ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถประเมินความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทานระดับโลกได้ดีขึ้น โดยเฉพาะหากมีการนำเข้าวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์จากสหรัฐ

  1. การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี

สถานการณ์นี้อาจกระตุ้นให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมปศุสัตว์ ซึ่งไทยสามารถเรียนรู้และนำมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการผลิตจากการระบาดของโรคระบาดในสัตว์ เช่น ไข้หวัดนก

  1. การเตรียมพร้อมด้านสาธารณสุข

ข้อมูลเกี่ยวกับการพบผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดนก H5N1 รายแรกที่ไม่มีประวัติสัมผัสสัตว์ในสหรัฐ สามารถช่วยให้หน่วยงานสาธารณสุขของไทยเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในลักษณะเดียวกัน

  1. การปรับตัวของผู้บริโภค

การศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคในสหรัฐที่เปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากสถานการณ์นี้ อาจช่วยให้ผู้ประกอบการไทยเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงในลักษณะเดียวกันที่อาจเกิดขึ้นในประเทศไทย

ดังนั้นข้อมูลราคาและสถานการณ์การระบาดของไข้หวัดนก H5N1 ในสหรัฐอเมริกาจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อประเทศไทยในการวางแผน เตรียมพร้อม และปรับตัวทั้งในระดับธุรกิจและระดับประเทศ เพื่อรับมือกับความท้าทายและโอกาสที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo