ศูนย์จีโนมฯ เผยเอนไซม์ APOBEC3 ในร่างกายมนุษย์ เร่งการกลายพันธุ์ของไวรัสฝีดาษลิง สาเหตุการระบาดใหญ่ทั่วโลกปี 2565 และเสี่ยงเกิดระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลกอีกรอบ
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ระบุว่า เอนไซม์ เอโพเบค-สาม (APOBEC3) ในร่างกายมนุษย์ มีบทบาทสำคัญในการเร่งการกลายพันธุ์ของฝีดาษลิงในระดับจีโนม ส่งผลให้เกิดการแพร่ระบาดทั่วโลกในปี 2565
นอกจากนี้ ยังอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การระบาดครั้งใหม่ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกในปี 2567 นี้ซึ่งมีความสุ่มเสี่ยงที่จะลุกลามเป็นการระบาดระดับโลกในอนาคตอันใกล้
การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงในปี 2565 ซึ่งองค์การอนามัยโลก ประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ มีความเชื่อมโยงกับการปรับตัวทางพันธุกรรม อันเนื่องมาจากเอนไซม์ APOBEC3 เอนไซม์นี้ เป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ ซึ่งมีบทบาทในการสร้างการกลายพันธุ์ในจีโนมของไวรัส นำไปสู่การวิวัฒนาการและการปรับตัวของเชื้อ ในการระบาดครั้งนั้น ฝีดาษลิงสายพันธุ์ Clade IIb เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดการแพร่กระจายไปทั่วโลก โดยเฉพาะผ่านการมีเพศสัมพันธ์
การศึกษาพบว่า ไวรัสฝีดาษลิงสายพันธุ์ Clade IIb มีการกลายพันธุ์จำนวนมากที่เกิดจากเอนไซม์ APOBEC3 ซึ่งเปลี่ยนรหัสพันธุกรรมจาก C เป็น T และ G เป็น A บนจีโนมของไวรัส แม้ว่าปฏิกิริยานี้มีจุดประสงค์เพื่อทำลายไวรัส แต่กลับพบว่าการกลายพันธุ์ดังกล่าวช่วยให้ไวรัสปรับตัว และเพิ่มจำนวนในร่างกายมนุษย์ได้ดีขึ้น ส่งผลให้มีความสามารถในการแพร่เชื้อสูงขึ้น
การกลายพันธุ์จาก APOBEC3 อาจทำให้ความรุนแรงของไวรัสลดลง นำไปสู่การติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ซึ่งอาจเพิ่มโอกาสการแพร่เชื้อแบบไม่รู้ตัวและยากต่อการควบคุม นอกจากนี้ ยังเป็นไปได้ว่าสายพันธุ์อื่น ๆ ของฝีดาษลิงอาจเกิดการวิวัฒนาการในลักษณะคล้ายคลึงกัน
ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (DRC) ฝีดาษลิงสายพันธุ์ Clade Ib ซึ่งพัฒนามาจาก Clade I มีบทบาทสำคัญในการระบาดครั้งใหญ่ DRC เป็นแหล่งกำเนิดการระบาดของฝีดาษลิง Clade I มาอย่างยาวนาน โดยมีการระบาดครั้งสำคัญในปี 2556 ที่จังหวัด Bokungu ซึ่งพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นถึง 600 เท่า
ล่าสุดในปี 2567 พบฝีดาษลิงสายพันธุ์ Clade Ib ในจังหวัด South Kivu โดยการวิเคราะห์จีโนมพบความแตกต่างจาก Clade I และมีการกลายพันธุ์จาก APOBEC3 เป็นส่วนใหญ่ สิ่งนี้บ่งชี้ว่า Clade Ib อาจเกิดการกลายพันธุ์คล้ายกับ Clade IIb ซึ่งอาจนำไปสู่การระบาดที่แพร่เชื้อจากคนสู่คนได้ง่ายขึ้น ทั้งจากการมีเพศสัมพันธ์และการสัมผัสสารคัดหลั่ง
การระบาดของ Clade Ib ใน DRC เน้นย้ำถึงความจำเป็นในทุกประเทศต้องร่วมด้วยช่วยกันถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสฝีดาษลิงทั้งจีโนม ที่แยกได้จากผู้ป่วยในประเทศและแชร์ข้อมูลไปยังฐานข้อมูลไวรัสฝีดาษลิงโลก จีเสส (GISAID) เพื่อการเฝ้าระวังและป้องกันอย่างเข้มงวด
การวิวัฒนาการที่เกิดจาก APOBEC3 ในฝีดาษลิง Clade Ib อาจทำให้เกิดการแพร่เชื้อที่รวดเร็วและปรับตัวเข้ากับมนุษย์ได้ดีขึ้น คล้ายกับที่เกิดขึ้นในการระบาดทั่วโลกปี 2565 จาก Clade IIb สถานการณ์นี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการศึกษาวิวัฒนาการของฝีดาษลิงอย่างต่อเนื่อง และการพัฒนากลยุทธ์ด้านสาธารณสุขเพื่อรับมือกับการระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ
การศึกษาในคองโกยังแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของอัตราการกลายพันธุ์ในแต่ละสายพันธุ์ของฝีดาษลิง โดยพบว่า
- สายพันธุ์ Ia มีการกลายพันธุ์จาก APOBEC3 เพียง 10.7% บ่งชี้ว่าส่วนใหญ่ติดเชื้อจากสัตว์สู่คน
- สายพันธุ์ Ib มีการกลายพันธุ์ 20.7% แสดงถึงการแพร่เชื้อระหว่างคนสู่คนที่เพิ่มขึ้น
- สายพันธุ์ IIb มีการกลายพันธุ์สูงถึง 35.9% สอดคล้องกับการระบาดทั่วโลกในปี 2565 ที่แพร่เชื้อระหว่างคนเป็นหลัก
ความแตกต่างนี้สะท้อนถึงรูปแบบการแพร่เชื้อที่แตกต่างกัน โดยสายพันธุ์ Ib และ IIb มีแนวโน้มแพร่เชื้อระหว่างคนสู่คนได้ง่ายกว่าสายพันธุ์ Ia อย่างชัดเจน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอยง’ เตือนเข้มเฝ้าระวัง ตรวจสายพันธุ์ฝีดาษลิง Clade 1b จากแอฟริกา
- สกัด ‘ฝีดาษลิง’ สธ. เพิ่มมาตรการตรวจคัดกรองสุขภาพ 3 สนามบิน ผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยง
- WHO ประกาศฝีดาษลิง โรคระบาดในภาวะฉุกเฉินที่น่ากังวล
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg