General

ย่ำน้ำท่วมขัง ระวัง ‘โรคฉี่หนู’ ปีนี้พบแล้วเกือบ 2 พันราย เสียชีวิต 24 ราย มีอาการแบบนี้พบแพทย์ด่วน!

ย้ำพื้นที่น้ำท่วมขัง ระวัง “โรคฉี่หนู” ปีนี้พบแล้วเกือบ 2 พันราย เสียชีวิต 24 ราย เตือนผู้อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขัง เลี่ยงลุยน้ำย่ำโคลนด้วยเท้าเปล่า!

นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ช่วงนี้มีฝนตกหนักหลายพื้นที่ทำให้บางพื้นที่เกิดน้ำท่วมขัง หนึ่งในผลกระทบทางสุขภาพที่พบได้บ่อยหลังจากมีน้ำท่วมขัง คือ โรคเลปโตสไปโรสิส (Leptospirosis) หรือ โรคฉี่หนู

เป็นโรคที่มักแพร่ระบาดในช่วงฤดูฝนหรือเกิดพายุมรสุม เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปัสสาวะของสัตว์พาหะ เช่น หนู หมู วัว ควาย สุนัข แพะ แกะ เชื้อออกมาจากปัสสาวะของสัตว์และปนเปื้อนอยู่ในแหล่งน้ำ ลำคลอง แอ่งน้ำขังเล็กๆ และพื้นดินโคลนที่ชื้นแฉะต่างๆ

เชื้อดังกล่าวมีชีวิตอยู่ได้นานเป็นเดือน เชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายคนได้ทางบาดแผลหรือแค่รอยถลอก รอยขีดข่วน หรืออาจชอนไชผ่านผิวหนังที่อ่อนนุ่มจากการแช่น้ำนานๆ รวมถึงการรับเชื้อจากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ

โรคฉี่หนู

ปีนี้พบผู้ป้วยแล้ว 1,952 ราย เสียชีวิต 24 ราย

ข้อมูลจากระบบการรายงานโรค Digital Disease Surveillance (DDS) กองระบาดวิทยา ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม – 31 กรกฎาคม 2567 พบผู้ป่วยโรคเลปโตสไปโรสิส จำนวน 1,952 ราย ผู้เสียชีวิต 24 ราย (คิดเป็นอัตราป่วยตาย 1.23%)

กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยมากที่สุด 3 อันดับแรกคืออายุ 60 ปีขึ้นไป อัตราป่วย 4.38 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ อายุ 50-59 ปี (4.20) และอายุ 40-49 ปี (3.24) ตามลำดับ สำหรับกลุ่มอายุที่เสียชีวิตมากที่สุด 3 อันดับแรกคือ อายุ 30-39 ปี (2.16%) รองลงมา คือ 60 ปีขึ้นไป (1.61%) และ 50-59 ปี (1.44%) ตามลำดับ

ส่วนข้อมูลจากโปรแกรมตรวจสอบข่าวการระบาด กรมควบคุมโรค พบผู้ป่วยในอาชีพเกษตรกรสูงที่สุด 30.77% รองลงมา คือ อาชีพรับจ้าง (23.08%) และกรีดยางพารา (15.38%) ส่วนใหญ่มีประวัติสัมผัสแหล่งน้ำ/ดินชื้นแฉะ (91.67%)

อาการสำคัญที่พบ คือ มีไข้เฉียบพลัน 91.67% รองลงมา คือ หายใจหอบเหนื่อย (83.33%) ไอแห้ง (66.67%) และปวดกล้ามเนื้อโดยเฉพาะกล้ามเนื้อน่อง (58.33%)

โรคฉี่หนู
นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร

แช่น้ำย่ำโคลนเป็นเวลานานแล้วเป็นไข้ให้รีบพบแพทย์

นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงอาการของโรคฉี่หนู ว่า ระยะแรกผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายกับโรคติดเชื้อทั่วไป แต่สังเกตความแตกต่างได้ คือ หลังติดเชื้อประมาณ 2-10 วัน จะเริ่มมีไข้สูงอย่างเฉียบพลัน ปวดศีรษะอย่างรุนแรง ปวดเมื่อยตามตัว โดยเฉพาะที่บริเวณหลัง น่องและโคนขา ร่วมกับมีอาการหนาวสั่น บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และตาแดง

หากมีอาการดังกล่าวภายหลังเดินลุยน้ำย่ำโคลนหรือแช่น้ำเป็นเวลานาน ขอให้นึกถึงโรคนี้ และรีบไปพบแพทย์หรือสถานพยาบาลใกล้บ้านโดยเร็วเพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง ที่สำคัญขอให้แจ้งประวัติการเดินลุยน้ำหรือย่ำโคลนให้แพทย์ที่ตรวจรักษาทราบด้วย เพื่อวินิจฉัยและให้การรักษาได้อย่างรวดเร็ว

อย่าซื้อยามารับประทานเอง เพราะทำให้อาการรุนแรง เช่น ตับไตวาย มีอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งข้อมูลการเสียชีวิตที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่มาพบแพทย์ช้า

โรคฉี่หนู

ข้อแนะนำป้องกันโรค

โรคฉี่หนูสามารถป้องกันได้ ขอแนะนำให้ประชาชนปฏิบัติ ดังนี้

  1. หลีกเลี่ยงการแช่น้ำเป็นเวลานาน หรือเดินลุยน้ำย่ำโคลนด้วยเท้าเปล่า โดยเฉพาะผู้ที่มีบาดแผลหรือรอยขีดข่วนที่เท้าต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ หากจำเป็นต้องเดินลุยน้ำควรสวมรองเท้าบู๊ท หรือรองเท้าที่หุ้มเท้าเพื่อป้องกันไม่ให้สัมผัสน้ำโดยตรง กรณีมีบาดแผลควรปิดด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ และรีบทำความสะอาดบาดแผลและร่างกายทันทีหลังจากเสร็จจากการทำงานหรือลุยน้ำ
  2. หมั่นล้างมือล้างเท้าด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ
  3. รับประทานอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่และร้อน อาหารที่ค้างมื้อควรเก็บในภาชนะที่ปิดมิดชิด และอุ่นให้เดือดหรือร้อนก่อนนำมารับประทานทุกครั้ง
  4. ดูแลทำความสะอาดที่พัก บ้านเรือนและห้องครัวให้สะอาด หากทำความสะอาดบ้านหลังน้ำลดควรสวมถุงมือยางและรองเท้าบู๊ทขณะเก็บกวาด ควรเก็บขยะ โดยเฉพาะเศษอาหาร ในถังที่มีฝาปิดมิดชิด หรือทิ้งในถุงพลาสติกและมัดปากถุงให้แน่น เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งอาหารให้หนูเข้ามาในบ้าน
  5. หากมีไข้สูง ร่วมกับปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อโดยเฉพาะที่น่อง หลังจากสัมผัสพื้นที่น้ำขัง/ดินที่มีโอกาสปนเปื้อนปัสสาวะสัตว์ ได้แก่ หนู วัว ควาย หมู สุนัข และแพะ ห้ามซื้อยามารับประทานเอง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที และแจ้งประวัติเสี่ยงให้ทราบ เพื่อพิจารณาการรักษาได้อย่างถูกต้อง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo