กรมชลฯ วิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ สั่งทุกโครงการชลประทาน เฝ้าระวังฝนตกหนัก พร้อมรับมือ 24 ชั่วโมง ฝนตกเพิ่มปลายเดือนกรกฎาคม
นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ เพื่อติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แม่น้ำสายหลักต่างๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับสถานการณ์น้ำปัจจุบัน (23 ก.ค. 2567) พบว่าอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 39,098 ล้าน ลบ.ม. (51% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 37,238 ล้าน ลบ.ม.
ขณะที่เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 9,644 ล้าน ลบ.ม. (39% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 15,227 ล้าน ลบ.ม.
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณลุ่มน้ำมูล มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ลุ่มน้ำชี มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยและทรงตัว กรมชลประทานได้ทำการแขวนบานระบายน้ำตลอดลำน้ำชี เพื่อเร่งระบายลงสู่แม่น้ำมูล ที่ปัจจุบันการระบายน้ำยังทำได้ดี ก่อนที่จะระบายน้ำลงแม่น้ำโขงตามลำดับ
ส่วนภาคตะวันออกฝนตกหนักกระจายไปทั่วพื้นที่ ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมชุมชนในพื้นที่จังหวัดตราด และจันทบุรี กรมชลประทาน ได้เร่งนำเครื่องจักร เครื่องมือ เข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มคลี่คลายสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดจนกว่าจะสิ้นสุดฤดูฝน
อนึ่ง กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ หลายพื้นที่ยังคงมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ส่วนใหญ่จะมีปริมาณฝนใกล้เคียงถึงมากกว่าค่าปกติ เว้นภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีปริมาณฝนรวมน้อยกว่าค่าปกติ
ดังนั้น จึงได้กำชับไปยังพื้นที่ที่มีปริมาณฝนตกชุก โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่อ่างเก็บน้ำขนาดกลางหลายแห่ง มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำมาก ให้ติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด นำการคาดการณ์ปริมาณฝนมาวิเคราะห์ เพื่อบริหารจัดการน้ำในอ่างฯ ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม รวมทั้งพิจารณาพร่องน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ เพื่อให้มีพื้นที่รองรับน้ำฝนที่จะตกมากขึ้น
ในส่วนของพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางที่มีฝนตกชุกมากขึ้น จนทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำสายหลักเพิ่มขึ้นตามไปด้วย นั้น กรมชลประทาน ได้วางแผนบริหารจัดการน้ำ ด้วยการเก็บกักน้ำไว้ในอ่างเก็บน้ำและแหล่งน้ำต่างๆ พร้อมกับลดการระบายน้ำจากเขื่อนทางตอนบน ช่วยลดภาระการระบายน้ำในพื้นที่ตอนล่าง ในขณะที่พื้นที่ตอนกลางได้ทำการหน่วงน้ำเอาไว้ ก่อนจะเร่งระบายลงสู่อ่าวไทยให้เร็วที่สุดต่อไป
ที่สำคัญ ได้เน้นย้ำให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำในระยะนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์และเกิดประโยชน์สูงสุด ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตาม 10 มาตรการรับมือฤดูปี67 อย่างเคร่งครัด
ขณะเดียวกัน ให้ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานท้องถิ่นในการประชาสัมพันธ์ถึงสถานการณ์น้ำและการแจ้งเตือนอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง เพื่อช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชน ตามนโยบายของรัฐบาล และร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เกาะติดน้ำท่วม จันทบุรี ตราด 5 อำเภอ 7 ตำบล กระทบ 1,594 ครัวเรือน
- น้ำท่วมตราดยังวิกฤต ประกาศภัยพิบัติ 3 ตำบล
- อัปเดตน้ำท่วม 3 จังหวัด ตราด อุบลราชธานี เพชรบูรณ์ กระทบ 1,438 ครัวเรือน
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์ : https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X (Twitter) : https://twitter.com/BangkokInsigh
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yx