General

ผลสอบ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ผิดจริง! พบหลักฐานเส้นเงินโยงเว็บพนัน

กก.ตร. แถลง “บิ๊กโจ๊ก” ผิดจริง! พบหลักฐานเส้นเงินโยงเว็บพนัน มีส่วนรู้ และได้รับประโยชน์บางส่วน ส่วน “บิ๊กต่อ” รอเรียกทนายตั้ม แจง 10 เมษายนนี้

วันนี้ (5 เม.ย.2567) พล.ต.อ.วินัย ทองสอง หนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายกรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะ เกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายใน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ครั้งที่ 1 ที่มีนายฉัตรชัย พรหมเลิศ เป็นประธาน เปิดแถลงข่าวแถลงความคืบหน้าครั้งแรก

ผิดจริง

พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า ภายหลังจากตั้งกรรมการสอบสวนมีการเชิญผู้เกี่ยวข้องรวม 30 คนจากผู้ที่อยู่ทั้ง 2 ฝ่ายคือคนที่กล่าวหาพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และของพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เข้ามาสอบปากคำ และได้ให้ส่งคำชี้แจงและพยานหลักฐานต่างๆ ภายในวันที่ 10 เมษายนนี้

นอกจากนี้ยังได้เชิญ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี เป็นหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนคดี 140 ล้านบาท คนใหม่พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เข้ามาให้ปากคำ

จากผลการตรวจสอบพยานหลักฐานมีความเชื่อไปในทิศทางเดียวกันกับกรณีที่ศาลได้ออกหมายจับว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ในข้อหาฟอกเงิน พบว่ามีการร่วมกระทำความผิดจริง

โดยพบเส้นเงินจากบัญชีม้าเว็บพนันออนไลน์ เชื่อมโยงกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เชื่อว่า รองผบ.ตร.รู้ และได้รับประโยชน์บางส่วนจริง ขณะนี้ความเห็นคณะกรรมการฯ ไปในทิศทางเดียวกันว่ามีส่วนในกระทำผิด และไม่ขอลงรายละเอียด และตอนนี้ทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว

พล.ต.อ.วินัย กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ได้เตรียมจะแถลงข่าว แต่ศาลออกหมายจับมาก่อนเมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา จริง ๆ คือชุดข้อมูลของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินมาทางสุดทาง คือศาลอนุมัติออกหมายจับ

กำหนดไทม์ไลน์ 60 วัน

พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า การตรวจสอบของคณะกรรมการ มีผลออกมาก่อนที่ศาลจะออกหมายจับจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดยหากข้อมูลฝั่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว ก็จะทยอยส่งให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พิจารณา โดยไม่ต้องรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงฝั่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ หากไม่ทันภายใน 60 วัน ก็ขยายระยะเวลาต่อไปได้ ยืนยันว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ส่วนที่มองว่าทางการตรวจสอบฝ่าย พล.ต.อ.เอกสุรเชษฐ์ แล้วเสร็จอย่างรวดเร็วนั้น เนื่องจากพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานมาเป็นเวลานานกว่า 7 เดือน อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการชุดนี้ รวบรวมพยานหลักฐานจากบุคคลที่เกี่ยวข้องเอง ไม่ได้นำข้อมูลจากพนักงานสอบสวนมาอ้างอิง มีพยานหลักฐาน เห็นพ้องไปกับคำที่ศาลออกหมายจับ และในการตรวจสอบเชื่อว่ามีส่วนร่วม

เรียก “ทนายตั้ม” แจงปม “บิ๊กต่อ”

ส่วนกระบวนการตรวจสอบฝั่งของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ในวัน 10 เมษายน นี้ เวลา 10.30 น. จะเชิญนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เข้าให้ข้อมูล หลังจากที่คณะทำงานได้เชิญมาหลายครั้ง แต่ทนายตั้ม อ้างว่าติดภารกิจเดินสายร้องเรียน จะต้องสอบถามทนายตั้ม เกี่ยวกับที่มาของเอกสารที่ได้นำไปร้องทุกข์กล่าวโทษ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และภรรยาที่สถานีตำรวจนครบาลเตาปูน

1697516608 769912 tnamcot.jpg

รวมทั้งที่มาของพยานบุคคล และเส้นทางการเงินอ้างว่ามีความเชื่อมโยง กับพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และภรรยา ยืนยันว่าคณะกรรมการชุดนี้มีอำนาจในการตรวจสอบทั้งข้าราชการ และบุคคลทั่วไปที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการในชั้นศาล

ส่วนการตั้งคำถามว่า หากภายหลังเกิดกรณีศาลมีคำพิพากษาว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ได้กระทำความผิด ขัดกับผลการตรวจสอบของคณะกรรมการจะปัญหาหรือไม่นั้น พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต แม้ว่าศาลจะชี้ว่าไม่ผิด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบุคคลนั้นจะไม่ผิด เป็นเรื่องที่ต้องว่าตามพยานหลักฐาน

หากในอนาคต พล...สุรเชษฐ์ จะฟ้องกลับคณะกรรมการชุดนี้ ก็ไม่กังวล และรู้สึกยินดี และคณะกรรมการชุดนี้ จะพยายามฟื้นศรัทธาให้กับองค์กรตำรวจ ด้วยการทำงานอย่างตรงไปตรงมา

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo