General

ค้นห้องเย็นในสมุทรสาคร ยึดหมู 75 ตัน ตรวจสอบเป็น ‘หมูเถื่อน’ หรือไม่

อธิบดีDSI” ลุยเอง ค้นห้องเย็นในสมุทรสาคร ยึดหมู 75 ตัน ตรวจสอบเป็นหมูเถื่อนหรือไม่

นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการตรวจค้นบริษัทห้องเย็นที่คาดว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการเก็บของกลางจำพวกหมูเถื่อนที่นำเข้ามาโดยผิดกฎหมายในคดีพิเศษที่ 59/2566

หมูเถือ่น

นายไชยา กล่าวชมเชยการปฏิบัติ DSI ในครั้งนี้ สามารถตรวจยึดสินค้าเนื้อหมูต้องสงสัยได้ 75 ตัน โดยพบว่าเนื้อหมูดังกล่าวนั้น ถูกสั่งซื้อโดยบริษัทที่ถูกออกหมายจับโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษในคดีนี้ ซึ่งมีความเกี่ยว ข้องเชื่อมโยงกับหมูเถื่อน 161 ตู้ที่สามารถตรวจยึดได้ก่อนหน้านี้ แต่อยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่าหมูจำนวนดังกล่าวนั้นถูกนำเข้ามาก่อนหรือหลังการจับกุมก่อนหน้านี้หรือไม่ ส่วนผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้อยู่ในระหว่างการหลบหนี

ทั้งนี้ พบว่าหมูจำนวนดังกล่าวนั้น มีส่วนหนึ่งที่นำเข้าจากประเทศที่ได้รับอนุญาตนำเข้าจากกรมปศุสัตว์ เช่น ออสเตรเลีย และเนเธอร์แลนด์ อย่างไรก็ตามต้องตรวจสอบต้นทางอย่างละเอียดอีกครั้งว่ามีการสำแดงต้นทางการนำเข้าถูกต้องหรือไม่ ส่วนผู้ประกอบการห้องเย็นที่ได้รับการตรวจค้นนั้น เบื้องต้นต้องให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ประกอบการว่าอาจจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยจะต้องนำเอกสารมาแสดงกับเจ้าหน้าที่หลังจากนี้ว่าหมูทั้ง 75 ตันที่นำมาฝากมีเอกสารที่ทำให้บริษัทห้องเย็นควรเชื่อได้ว่านำเข้ามาโดยถูกต้องหรือไม่

หมู

สำหรับกรมปศุสัตว์นั้น นายไชยากล่าวว่า แม้ว่าจะมีอำนาจในการตรวจสอบสินค้านำเข้าประเภทเนื้อสัตว์ แต่หากสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ที่นำเข้ามาถูกสำแดงจากกรมศุลกากรว่าเป็นสินค้าประเภทอื่น เช่น สินค้าประมงหรือสินค้าพลาสติก กรมปศุสัตว์จะไม่มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบ แต่หากสินค้าที่นำเข้ามาไม่ได้รับการสำแดงจนพ้นระยะ 60 วัน ทางกรมปศุสัตว์จะมีอำนาจเข้าไปเปิดตู้ตรวจสอบได้ว่า เป็นสินค้าประเภทเนื้อสัตว์นำเข้าผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้นั้นต้องขอความร่วมมือไปยังกรมศุลกากรในการทำหน้าที่ตรวจสอบและสำแดงสินค้านำเข้าเป็นด่านแรก เพราะถ้าหากสินค้าที่สำแดงผ่านกรมศุลกากรไม่ใช่สินค้าประเภทเนื้อสัตว์อย่างถูกต้อง กรมปศุสัตว์ก็ไม่มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบแต่อย่างใด

“ส่วนกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ด่านปศุสัตว์หรือข้าราชการกรมปศุสัตว์เข้ามามีส่วนได้เสียในการรับส่วยผลประโยชน์เพื่อแลกกับการนำเข้าหมูเถื่อนนั้น ยอมรับว่าเรื่องนี้มีมูล แต่ขอปกปิดรายละเอียด เนื่องจากอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ แต่ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย” นายไชยา กล่าว

ภาพถ่ายหน้าจอ 2566 11 09 เวลา 18.05.42

ด้าน พ.ต.ต.สุริยา เปิดเผยรายละเอียดผลการตรวจค้นห้องเย็นว่า พบว่ามีเนื้อหมูและเครื่องในหมูที่อาจนำเข้าไม่ถูกต้องทั้งหมด 75 ตัน หรือ 75,000 กิโลกรัม นำเข้าโดยบริษัทนำเข้าย่านดอนเมืองที่เพิ่งเข้าตรวจค้นเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งจากพยานหลักฐานที่ตรวจยึดได้จากบริษัท สามารถนำมายืนยันได้ว่า หมูจำนวน 75 ตันที่ตรวจยึดในวันนี้นั้น เป็นหมูส่วนที่ตกค้างจากหมูมากกว่า 800 ตัน ที่บริษัทย่านดอนเมืองเคยนำเข้ามาฝากที่ห้องเย็นนี้ตั้งแต่ปี 2564 ในอัตราราคา 80 สตางค์ต่อ 1 กิโลกรัม ต่อ 1 เดือน โดยหมูจำนวน 75 ตันนี้หมดอายุแล้วเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่งพบความผิดปกติว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีความพยายามที่จะเข้ามาขนย้ายหมูล็อตนี้จำนวน 600 กิโลกรัม คาดว่าเพื่อเป็นการทำลายพยานหลักฐาน จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสินค้าที่ถูกนำออกจากห้องเย็นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา แต่ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด

“หลังจากนี้หมูจำนวน 75 ตันจะถูกอายัดไว้เพื่อเป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีและจะนำมาตรวจสอบว่า หมูจำนวนนี้นั้นนำเข้าได้ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากยังพบความคลาดเคลื่อนทางด้านเอกสาร และลักษณะหมูจำนวนนี้นั้นพบว่ามีความคล้ายคลึงกับเนื้อหมูที่สามารถตรวจยึดได้ทั้ง 161 ตู้ที่แหลมฉบัง ส่วนที่มีการสำแดงว่ามาจากประเทศเนเธอร์แลนด์นั้นจะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่า เป็นการสำแดงต้นทางถูกต้องหรือไม่” พ.ต.ต.สุริยา กล่าว

ด้านนายบุญญกฤช ปิ่นประสงค์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ชิ้นส่วนหมูดังกล่าวทั้งหมดนำเข้ามาจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งในห้วงระยะเวลาที่นำเข้านั้นทางกรมปศุสัตว์อนุญาตให้นำเข้าชิ้นส่วนหมูจากประเทศเนเธอร์แลนด์ได้ แต่จะต้องไปตรวจสอบย้อนหลังอีกว่า เป็นชิ้นส่วนหมูจากเนเธอร์แลนด์จริงหรือไม่ เช่น อาจมีกรณีที่หมูดังกล่าวนั้นมีต้นทางจริง ๆ จากประเทศอื่น แต่มาผ่านท่าที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ก่อนจะส่งเข้ามายังประเทศไทย ซึ่งถ้าหากประเทศต้นทางนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าชิ้นส่วนหมูเข้าประเทศไทย ก็ถือว่าเป็นการนำเข้าไม่ถูกต้องด้วย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo