General

กทม. จับมือ ทส. เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5

กทม. จับมือ ทส. เตรียมพร้อมรับมือฝุ่นละออง PM 2.5 เดินหน้าป้องกันทุกมิติ วางแผนบริหารจัดการฝุ่นระยะวิกฤต เล็งเพิ่มเซ็นเซอร์ตรวจฝุ่นครบ 1,000 จุด

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวการรับมือสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่ กทม.ร่วมกับพลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)พร้อมด้วยผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักสิ่งแวดล้อม ผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้บริหารกรมควบคุมมลพิษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมงาน ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคารเทียมคมกฤส กรมป่าไม้

ฝุ่นละออง PM 2.5

นายชัชชาติ กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร ได้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 มาตลอดปี โดยร่วมมือกับกรมควบคุมมลพิษและมีแผนดำเนินการทุกวัน 365 วัน มีการเฝ้าระวังแจ้งเตือน Risk map ติดตั้ง sensor เพิ่ม การตรวจควันดำ การให้ความรู้ประชาชน

สำหรับแผนบริหารจัดการฝุ่นระยะวิกฤต ค่าฝุ่นตั้งแต่ 37.6 มคก./ลบ.ม. จะทำการแจ้งเตือน 3 ครั้ง/วัน การกำจัดต้นตอ โดยห้ามจอดรถถนนสายหลัก/สายรอง วัด/ศาลเจ้างดจุดธูปเทียน ห้ามเผาในที่โล่ง

การป้องกันประชาชน โดยปรับรูปแบบการเรียนของโรงเรียน แจกหน้ากากอนามัย และจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ 50 เขต ถ้าค่าฝุ่น 75.1 มคก./ลบ.ม. ก็ต้องมีการดูแลการก่อสร้าง ลดค่าโดยสารบีทีเอสส่วนต่อขยาย และเครือข่าย Work From Home

ในภาวะปัจจุบันสถานการณ์ฝุ่นสาเหตุหลักจะมาจากรถยนต์ แต่พอเข้าช่วงต้น ๆ ปีเริ่มมีการเผาชีวมวล กลายเป็นว่าส่วนใหญ่จะมาจากการเผาชีวมวล ไม่ว่าจะเป็น อ้อยหรือข้าวโดยเฉพาะฝุ่นข้ามแดน ในอนาคตรัฐบาลคงต้องดูเรื่องนี้เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ กทม.ได้ทำ Risk map คือนำข้อมูลจุดเสี่ยงต่าง ๆ ลงแผนที่ทั้งหมดเช่น โรงงาน แพลนท์ปูน สถานที่ก่อสร้าง อู่พ่นสีรถ เหล่านี้อยู่ตรงไหน และสามารถตรวจสอบได้ว่ามาตรวจเมื่อไหร่ ผลตรวจสอบเป็นอย่างไร ทำให้สามารถควบคุมแหล่งกำเนิดได้ละเอียดและเรียลไทม์มากขึ้น

ชัชชาติ1
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

ขณะนี้เรามีเซ็นเซอร์ตรวจฝุ่น 722 จุด อนาคตจะเพิ่มเป็น 1,000 จุด และมีการปรับปรุงแอปพลิเคชัน AIR BKK สามารถพยากรณ์ได้ดีขึ้นแม่นยำขึ้น

สำหรับกรณีเผาชีวมวล ในกรุงเทพฯ จะมีเขตหนองจอก มีนบุรี คลองสามวาที่มีการทำเกษตรกรอยู่แล้ว จะเฝ้าระวังภาพถ่ายดาวเทียมตลอด ถ้ามีจุด Hot Spot เกิดขึ้นจะให้เทศกิจเข้าไปดำเนินการที่ต้นตอ

ส่วนการกำจัดต้นตอของฝุ่น จะทำการตรวจที่แหล่งกำเนิด โดยพยายามไม่ไปตรวจบนถนนเนื่องจากให้เกิดรถติด แต่รู้ว่ารถที่เข้ามาในกรุงเทพฯ อาทิ รถบรรทุกต้องมีที่มาที่ไป เช่น มาจากแพลนท์ปูน หรือไปไซต์ก่อสร้าง รวมทั้งอู่รถเมล์ ท่าเรือคลองเตย และนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ เพื่อไปตรวจที่ต้นกำเนิดแทน

ที่ผ่านมา ทำการตรวจรถยนต์ 1.35 แสนคัน ไม่ผ่าน 2,141 คัน รถที่สภาพทั่วไป 3.7 หมื่นคัน ไม่ผ่าน 217 คัน รถบรรทุก 9.2 หมื่นคันไม่ผ่าน 529 คัน นี่คือสิ่งที่เราทำต่อเนื่องตลอดปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ก็คงต้องเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น

ในส่วนของการป้องกันประชาชน มีการทำห้องเรียนปลอดฝุ่นติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ 300 เครื่องให้กับศูนย์เด็กเล็ก 1,734 เครื่องให้กับโรงเรียนอนุบาล รวมทั้งพัฒนาห้องปลอดฝุ่นร่วมกับกรมอนามัย

มิติที่สำคัญที่สุดตอนนี้ เป็นเรื่องการจราจร คงต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องการดูแลจราจร การปฏิบัติตามกฎจราจร กรมขนส่งทางบกเรื่องการควบคุมรถเก่าที่จะเข้ามาในพื้นที่ เป็นต้น โดยหลังจากนี้จะรับโยบายและรับไปดำเนินการต่อ

ด้านพลตำรวจเอก พัชรวาท กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ได้แต่งตั้งคณะกรรมการจัดการมลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน เพื่อเป็นกลไกเร่งรัดการดำเนินการมาตรการเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ทั้งระบบให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

รมว.ทส
พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ

ขณะนี้กรุงเทพมหานครใกล้เข้าสู่สถานการณ์ฝุ่น จากสภาวะอากาศหนาว สภาพอากาศปิดและปีหน้าปรากฏการณ์เอลนีโญ จะส่งผลให้เกิดภัยแล้งมากขึ้น

ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เตรียมมาตรการเพื่อรับมือกับสถานการณ์ฝุ่นทั้งการควบคุมไฟป่า การเผาพื้นที่ทางการเกษตร และการควบคุมการเกิดฝุ่นในกรุงเทพมหานคร สิ่งสำคัญคือต้องนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเร่งด่วนทันท่วงที เพื่อทำให้ประชาชนรับรู้ และเห็นความพร้อมว่าภาครัฐทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อเป้าหมายสูงสุดคือ การปกป้องผลกระทบที่ส่งผลต่อสุขภาพของประชาชน

สิ่งที่ต้องเริ่มทำสำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครคือ ขอให้เริ่มควบคุมแหล่งกำเนิด เกือบ 70% มาจากยานพาหนะกระทรวงคมนาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงพลังงานกรมควบคุมมลพิษและกรุงเทพมหานคร ต้องเข้มงวดในการตรวจสอบและตรวจจับรถ ตรวจสอบสภาพรถยนต์ กวดขันวินัยจราจร พื้นที่ก่อสร้างฃ

นอกจากนี้ ควรรณรงค์ให้ประชาชนเดินทางด้วยรถไฟฟ้าและรถสาธารณะ การควบคุมโรงงานทุกแห่งที่มีความเสี่ยงสูงในการปล่อยฝุ่นควันสำหรับพื้นที่รอบ ๆ ขอให้กรุงเทพมหานครสนับสนุนเกษตรกรให้ช่วยกันไม่เผาตอซัง ฟางข้าว

อย่างไรก็ตามต้องขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทุกคน นอกจากดูแลตนเองแล้วต้องให้ความร่วมมือปฏิบัติงานตามคำแนะนำ คำร้องขอของภาครัฐด้วย รวมทั้งการสื่อสารเชิงรุกต่อเนื่องบ่อยครั้งทั้งช่วงก่อนและระหว่างสถานการณ์ การแจ้งเตือนสถานการณ์ต้องทันท่วงทีเพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลที่รวดเร็วและถูกต้อง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo