General

สปสช.ชวนสถานประกอบการ ร่วมดูแลสุขภาพผู้ประกันตน เบิกค่าบริการได้

สปสช. ชวนสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้าง 200 คนขึ้นไป สมัครเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ดูแลสุขภาพผู้ประกันตน

ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ตามที่ สปสช. ได้จัดสิทธิประโยชน์บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้กับคนไทยทุกคน ทุกสิทธิการรักษาพยาบาล ตามประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง ประเภทและขอบเขตของบริการสาธารณสุข พ.ศ. 2565

ผู้ประกันตน

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านพบว่าทั้งกลุ่มข้าราชการและผู้ประกันตน มีจำนวนการไม่เข้ารับบริการสูงถึง 40-45% ดังนั้นที่ผ่านมา สปสช. จึงได้มีแนวทางดำเนินการเพื่อให้เกิดการเข้ารับบริการเพิ่มขึ้น

เบื้องต้นในส่วนของผู้ประกันตน ตามกฎกระทรวงว่าด้วยการจัดสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ พ.ศ. 2545 (กระทรวงแรงงาน) กำหนดให้สถานประกอบกิจการที่มีพนักงานหรือลูกจ้างตั้งแต่ 200 คนขึ้นไป ให้มีห้องพยาบาลและมีแพทย์หรือพยาบาลคอยให้บริการ พร้อม 1 เตียง

นอกจากนี้ ยังมีประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสถานพยาบาลอื่นซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องอยู่ในบังคับตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล กำหนดให้มีห้องพยาบาลในสถานประกอบกิจการที่แจ้งขอประกอบกิจการสถานพยาบาล (สพ.อ.2) เป็นสถานพยาบาลที่ไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน ในลักษณะที่เป็นการจัดสวัสดิการให้แก่เจ้าหน้าที่ พนักงาน ลูกจ้าง ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน

ทั้งนี้ ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจกรรมสถานพยาบาลและใบอนุญาตให้ดำเนินการสถานพยาบาลและไม่ต้องขำระค่าธรรมเนียมรายปี เพื่อให้การจัดบริการเป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพ

ทพ.อรรถพร กล่าวต่อว่า ห้องพยาบาลในสถานประกอบกิจการข้างต้นนี้ มีมาตรฐานที่จะร่วมให้บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ที่เป็นสิทธิประโยชน์กองทุนบัตรทองฯ ให้กับพนักงาน/ลูกจ้าง ในรายการตามศักยภาพและความพร้อมจัดบริการของห้องพยาบาลได้

สปสช.2
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ

ดังนั้นที่ผ่านมา สปสช. จึงได้เชิญชวนให้ห้องพยาบาลในสถานประกอบการนี้สมัครร่วมเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประเภทหน่วยบริการที่รับการส่งต่อเฉพาะด้านสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค กับ สปสช. เพื่อเพิ่มการเข้าถึงสิทธิและบริการสร้างเสริมสุขภาพฯ ของกลุ่มวัยทำงานในระบบประกันสังคม

สำหรับบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่เป็นสิทธิประโยชน์ของกลุ่มวัยทำงานนี้ มีรายการบริการที่ครอบคลุมทุกเพศ โดยมีรายการบริการดังนี้

รายการบริการอายุระหว่าง 20 – 59 ปี

ประเมินปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพกาย/สุขภาพจิต

  • ตรวจ HIV ด้วยชุดตรวจด้วยตนเอง
  • ตรวจการตั้งครรภ์ (ตรวจปัสสาวะ, ชุดทดสอบ)
  • วางแผนครอบครัว (ถุงยางอนามัย, ยาคุมกำเนิด)
  • ยาเสริมธาตุเหล็ก
  • เจาะเลือดตรวจวัดระดับน้ำตาล (เมื่อผลคัดกรองพบเป็นกลุ่มเสี่ยง)
  • ตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบี และซี
  • ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (HPV DNA test)
  • สายด่วนสุขภาพจิต โทร. 1323
  • สายด่วนเลิกบุหรี่ โทร. 1600

สปสช.1

รายการเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่อายุ 35 ปี ขึ้นไป

ประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรค

  • โรคเบาหวาน/เจาะเลือดปลายนิ้วตรวจน้ำตาล
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ตรวจวัดคอเลสเตอรอล และ HDL
  • ตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่/ลำไส้ตรง

สำหรับผลที่เกิดขึ้น นอกจากเป็นการดูแลและห่วงใยต่อสุขภาพของพนักงาน/ลูกจ้าง ได้เข้าถึงบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่เป็นสิทธิของคนไทยทุกคนแล้ว ยังลดความเสี่ยงภาวะเจ็บป่วยรุนแรงจากโรคที่ตรวจคัดกรองได้

ขณะเดียวกันยังแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการจัดบริการตรวจสุขภาพของสถานประกอบกิจการ โดยเบิกจ่ายค่าบริการจาก สปสช. ตามรายการสิทธิประโยชน์อัตราที่กำหนด และในกรณีพนักงาน/ลูกจ้าง มีผลตรวจคัดกรองที่พบภาวะเสี่ยงหรือเจ็บป่วย ก็สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลตามสิทธิการรักษาพยาบาล เช่น ประกันสังคม เป็นต้น

นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลพนักงาน/ลูกจ้างของสถานประกอบการเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานอีกด้วย

อ่านข่าวเพิ่่มเติม

Avatar photo