General

เปิดอาการชาย 34 ติดเชื้อ HIV ป่วยด้วย ‘ฝีดาษวานร’ เสียชีวิตรายแรกในไทย

เปิดอาการชายวัย 34 ปี ติดเชื้อ HIV ป่วยด้วยฝีดาษวานร” เสียชีวิตรายแรกในไทย มีเชื้อเริมและซิฟิลิส ผื่นแผลจากฝีดาษวานรรุนแรง เกิดเนื้อตายบริเวณกว้าง ที่จมูกคอ 

กรมควบคุมโรค เผยสถานการณ์โรคฝีดาษวานรเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในกลุ่มชายรักชาย และได้รับรายงานผู้ติดเชื้อเอชไอวีติดฝีดาษวานรเสียชีวิตรายแรกในไทย เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง พบโรครวมทั้งเชื้อเริมและซิฟิลิส มีผื่นแผลจากโรคฝีดาษวานรที่รุนแรง ทำให้เกิดเนื้อตายบริเวณกว้าง ที่จมูกและคอ มีอาการแทรกซ้อนที่ปอดและสมอง เร่งรัดทุกจังหวัดเฝ้าระวังติดตามสื่อสารกลุ่มเสี่ยง วิธีการป้องกันแพร่เชื้อโดยงดเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าและไม่สัมผัสแนบเนื้อผู้มีอาการสงสัยโรคฝีดาษวานร

HIV

นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ได้รับรายงานการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรจากสถาบันบำราศนราดูร จึงส่งทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรค กองระบาดวิทยาและสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 ชลบุรี ลงพื้นที่สอบสวนโรคร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ พบว่า ผู้เสียชีวิตเป็นเพศชาย อายุ 34 ปี มีประวัติเป็นไข้ ปวดศีรษะ คัน และมีผื่นและตุ่มขึ้นบริเวณผิวหนังตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2566 และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี ในวันที่ 11 กรกฎาคม 2566 แพทย์สงสัยเป็นโรคฝีดาษวานรจึงส่งตัวอย่างตรวจยืนยันผลพบสารพันธุกรรมของไวรัสฝีดาษวานรและขณะเดียวกันยังตรวจพบการติดเชื้อเอชไอวีและเชื้อซิฟิลิส

ต่อมาผู้ป่วยมีอาการเจ็บคอ ตรวจพบภาวะติดเชื้อรา ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อฉวยโอกาสของเอชไอวี ส่วนบริเวณผิวหนังมีผื่นแผลจากโรคฝีดาษวานรกระจายทั่วตัว ได้รับการรักษา จนครบ 4 สัปดาห์แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้

281065 11

ต่อมาวันที่ 9 สิงหาคม ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลีย หายใจลำบาก ญาติจึงนำผู้ป่วยมารับการรักษาที่สถาบันบำราศนราดูร ตรวจพบว่า มีผื่นจากโรคฝีดาษวานรกระจายทั่วตัว และมีการตายของเนื้อเยื่อที่จมูกและคอ เป็นบริเวณกว้าง มีการติดเชื้อแทรกซ้อนที่แขนและขา มีภาวะปอดอักเสบ และอาการสมองอักเสบ ผลตรวจเม็ดเลือดขาว CD4 เท่ากับ 16 เซลล์ต่อ มล. แสดงถึงภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรง แพทย์ได้ให้ยาต้านไวรัสฝีดาษวานรและยาปฏิชีวนะร่วมด้วย ต่อมาผู้ป่วยอาการทรุดลงและเสียชีวิตในคืนวันที่ 11 สิงหาคม 2566

นายแพทย์ธเรศ กล่าวว่า โรคฝีดาษวานรเป็นโรคติดต่ออุบัติใหม่ของประเทศไทย สถานการณ์ล่าสุด ข้อมูล ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2566 มีรายงานผู้ป่วยรวม 189 รายในไทย เป็นสัญชาติไทย 161 ราย ชาวต่างชาติ 28 รายมีแนวโน้มระบาดเพิ่มขึ้นซึ่งระยะแรกพบผู้ป่วยในพื้นที่กรุงเทพมหานครปริมณฑลก่อนแพร่ไปจังหวัดอื่น

ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย และมีติดเชื้อเอชไอวีร่วมด้วยจำนวน 82 ราย (ร้อยละ 43) ปัจจัยเสี่ยงหลักคือการมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก ที่เป็นผู้ติดเชื้อฝีดาษวานร

ผู้ที่มีความเสี่ยงสามารถตรวจสอบอาการเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง หากมีผื่น/ตุ่มขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก ปาก หรือตามร่างกาย และมีประวัติสัมผัสใกล้ชิด สัมผัสแนบชิด หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้สงสัยฝีดาษวานร หรือผู้ป่วยฝีดาษวานร ให้สังเกตตนเองภายหลังสัมผัสผู้ป่วยภายใน 21 วัน หากมีอาการ ไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย ต่อมน้ำเหลืองโต มีผื่น หรือ ตุ่มน้ำหรือ ตุ่มหนองขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ หรือ ทวารหนัก หรือ บริเวณรอบๆ ตามมือ เท้า หน้าอก ใบหน้า หรือบริเวณปาก ให้รีบเข้ารับการตรวจที่สถานบริการสุขภาพ หรือโรงพยาบาลทันที โดยแจ้งอาการและประวัติเสี่ยงประกอบการวินิจฉัย

โสภณ

นายแพทย์โสภณเอี่ยม ศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวเพิ่มเติมว่าสถานการณ์โรคฝีดาษวานรระบาดเพิ่มขึ้นสะท้อนถึงพฤติกรรมเสี่ยงที่ยังมีอย่างต่อเนื่องโดยผู้ป่วยฝีดาษวานรรายใหม่เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีเกือบครึ่งหนึ่งซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้ภูมิคุ้มกันบกพร่องอยู่แล้วมักมีการติดเชื้อฉวยโอกาสอื่นร่วมด้วยได้ง่ายทำให้เกิดอาการรุนแรงจนเสียชีวิต

ทั่วโลกมีรายงานผู้ป่วยฝีดาษวานรเสียชีวิต 152 รายแล้วตั้งแต่เริ่มการระบาดในยุโรปและหลายประเทศ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565

ปัจจุบันประเทศไทยได้รับมอบยาต้านไวรัสชื่อ Tecovirimat (หรือ TPOXX) จำนวนหนึ่งจากองค์การอนามัยโลก มาใช้รักษาผู้ป่วยฝีดาษวานรที่มีอาการมาก ที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน และจะต้องมีการวัดประสิทธิผลของยานี้ไปพร้อมกัน

ทั้งนี้ โรคฝีดาษวานร สามารถป้องกันได้ โดยงดเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า ไม่สัมผัสแนบเนื้อกับผู้ที่มีผื่น ตุ่มหรือหนอง แนะนำให้ล้างมือบ่อยๆ และไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น จึงขอให้ทุกจังหวัดเฝ้าระวังติดตามกลุ่มเสี่ยง และสื่อสารวิธีการป้องกันแพร่เชื้อโดยงดการมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าและไม่สัมผัสแนบเนื้อผู้มีอาการสงสัยโรคฝีดาษวานร โดยหากประชาชนมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำในการปฏิบัติตนสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo