เคาะขยายระยะเวลาให้คนต่างด้าว 4 สัญชาติ ที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อยู่ทำงานในไทยได้ถึง 31 กรกฎาคม 2566 ยืดระยะเวลาจัดทำเอกสารอนุญาตทำงานให้ถูกต้อง ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารคนได้ตามความเหมาะสมและแรงงานได้รับความคุ้มครอง
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 ได้เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการทำงานของคนต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และมอบหมายให้ กระทรวงแรงงานและกระทรวงมหาดไทย ดำเนินการออกประกาศที่เกี่ยวข้องต่อไป
การพิจารณาของ ครม. ครั้งนี้สืบเนื่องจาก ครม.เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ได้เห็นชอบให้คนต่างด้าวตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 (คนต่างด้าว 4 สัญชาติ ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566) ที่ประสงค์จะทำงานต่อในประเทศไทยจะต้องยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 และให้ไปดำเนินการเพื่อให้ได้เอกสารหลักฐานต่างๆ แล้วนำมายื่นกับกรมการจัดหางานภายใน 15 พฤษภาคม 2566 ซึ่งภายหลังสิ้นสุดช่วงเวลาดังกล่าวแล้วปรากฎว่ามีคนต่างด้าวประมาณ 5 แสนคน ยังไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่กำหนด จึงจำเป็นต้องผ่อนผันให้กับคนต่างด้าวที่สถานะไม่ถูกกฎหมายเพื่อให้นายจ้าง ผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวได้อย่างเหมาะสม และไม่ให้กระทบต่อความต่อเนื่องในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิด -19 ในขณะนี้
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับแนวทางการบริหารจัดการทำงานของคนต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ จะครอบคลุมแรงงานเป้าหมาย 3 กลุ่ม ได้แก่
1. คนต่างด้าว 4 สัญชาติ ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางที่มีอายุหรือหมดอายุ และมีรอยตราประทับซึ่งการอนุญาตทำงานหรืออนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลงโดยกฎหมาย เช่น กรณีคนต่างด้าวออกจากนายจ้างรายเดิมแล้วไม่สามารถหานายจ้างรายใหม่ได้ภายในเวลากำหนด หรือ กรณีไม่สามารถทำงานต่อไปได้เนื่องจากดำเนินการตามมติ ครม. ที่ผ่านมาไม่ครอบคลุมทุกขั้นตอน
2. คนต่างด้าว 4 สัญชาติฯ ที่ระยะเวลาการได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลง แต่ไม่ได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร (Over Stay)
3. คนต่างด้าว 3 สัญชาติ ได้แก่ กัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่เข้าเมืองผิดกฎหมายหรือการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลง และทำงานกับนายจ้างก่อนที่ ครม. มีมติให้ความเห็นชอบ
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า วิธีดำเนินการบริหารจัดการนั้น ประกอบด้วย
1. ผ่อนผันให้คนต่างด้าวเป้าหมายทั้ง 3 กลุ่ม อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและทำงานได้ถึง 31 กรกฎาคม 2566
2. ให้นายจ้างยื่นบัญชีรายชื่อ พร้อมรูปถ่ายเพื่อแจ้งความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว (Name list) ต่อกรมการจัดหางานผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ณ สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว สำนักงานจัดหางานจังหวังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ เป็นเวลา 15 วัน ตามที่กรมการจัดหางานกำหนด
3. เมื่อ Name list ได้รับการอนุมัติแล้ว คนต่างด้าวจะใช้ Name List ดังกล่าวเป็นเอกสารหลักฐาน แสดงว่าคนต่างด้าวได้รับการผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและทำงานได้ถึง 31 กรกฎาคม 2566
ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ติดตามซึ่งเป็นบุตรของคนต่างด้าวกลุ่มเป้าหมาย ที่มีอายุไม่เกิน 18 ปี บริบูรณ์มีสิทธิอยู่ในราชอาณาจักรตามสิทธิของคนต่างด้าว ซึ่งเป็นบิดามารดา โดยดำเนินการตามแนวทางที่กระทรวงแรงงานกำหนดต่อไป
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กระทรวงแรงงานได้ประเมินผลที่คาดว่าจะได้รับจากการออกแนวทางบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวฯ ครั้งนี้ว่า จะเป็นการผ่อนผันให้คนต่างด้าวเป้าหมายสามารถอยู่ในประเทศไทยเป็นการชั่วคราวเพื่อทำงานต่อไปได้เพื่อรอระยะเวลาดำเนินการเอกสารให้ถูกต้องและสามารถทำงานในประเทศไทยได้ตามกำหนดอย่างถูกต้องต่อไป และคนต่างด้าวกลุ่มดังกล่าวเป็นปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด -19 ด้วย การผ่อนผันดังกล่าวจะช่วยแก้ไขการขาดแคลนแรงงานของผู้ประกอบการ และยังคงคำนึงถึงความสมดุลของเศรษฐกิจประเทศและความมั่นคง
นอกจากนี้ การบริหารจัดการที่เหมาะสมจะเป็นการช่วยคุ้มครองให้คนต่างด้าวได้รับการจ้างงานโดยถูกกฎหมาย มีสิทธิประโยชน์ สวัสดิการ คุ้มครองสิทธิที่พึงได้ และจะมีให้ภาครัฐมีข้อมูลการทำงานของคนต่างด้าวที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน เพื่อให้สำหรับการบริหารจัดการทำงานของคนต่างด้าวในระยะต่อไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กทม. แจ้งนายจ้าง ลงทะเบียน ‘ปรับปรุงประวัติ-บัตรแรงงานต่างด้าว’ 4 สัญชาติ ถึง 30 ก.ย.นี้
- เตือนนายจ้าง! ยื่นต่อใบอนุญาต ‘แรงงานต่างด้าว’ วันนี้วันสุดท้าย เลี่ยงถูกดำเนินคดี ทั้งนายจ้างลูกจ้าง
- กท ม. เลื่อนทำทะเบียนและบัตรประจำตัว ‘แรงงานต่างด้าว’ ไปหลังเลือกตั้ง เริ่มทำ 16 พ.ค.