General

‘รังสิมันต์ โรม’ ชี้ ‘ส่วยสติ๊กเกอร์’ คือต้นตอสำคัญของการมีส่วย

“รังสิมันต์ โรม” ชี้ “ส่วยสติ๊กเกอร์” คือต้นตอสำคัญของการมีส่วยไม่ว่าจะรูปแบบใด การมีอยู่ของระบบเส้นสาย ระบบตั๋ว และการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งในหมู่ข้าราชการ 

นายรังสิมันต์ โรม โพสต์ข้อความ ระบุว่า  รากฐานของ ‘สติกเกอร์ส่วยทางหลวง’ คือระบบตั๋วในวงราชการ ที่รัฐบาล ‘พิธา’ จะจัดการให้ได้ จากกรณีที่ ส.ส. พรรคก้าวไกล คุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ได้เปิดประเด็นเกี่ยวกับสติกเกอร์พิสดารที่มีคนกลุ่มหนึ่งคอยขายให้กับรถบรรทุกขนส่งต่างๆ แลกเปลี่ยนกับการให้ผ่านด่านทางหลวงได้ โดยไม่ต้องชั่งน้ำหนักว่าบรรทุกเกินหรือไม่ หรือตรวจว่าขนของผิดกฎหมายมาหรือไม่

ส่วย1
พูดง่ายๆ ตรงๆ นี่คืออีกรูปแบบหนึ่งของการเก็บส่วย เป็นอีกหนึ่งธุรกิจสีเทาที่คนในวงการขนส่งรู้กันว่ามีอยู่เกลื่อนกลาดไปหมด ในขณะที่คนขายสติกเกอร์เหล่านี้กอบโกย ประเทศกลับต้องเสียรายได้จากการเก็บค่าผ่านทางตามกฎเกณฑ์ที่ควรได้รับ อาจถึงหลักหมื่นล้านบาท ถนนที่รับน้ำหนักเกินต้องชำรุดทรุดโทรมอย่างรวดเร็วจนอาจต้องเป็นภาระต่อภาษีประชาชนเพิ่มขึ้นไปอีก หรือมากไปกว่านั้นคือบรรดาสิ่งไม่พึงประสงค์ที่อาจเล็ดรอดการตรวจสอบและกระจัดกระจายไปสร้างปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ สิ่งเหล่านั้นอาจเป็นยาเสพติด อาจเป็นอาวุธเถื่อน หรือแม้แต่คนตัวเป็นๆ ที่ถูกนำไปใช้แรงงานทาสก็เป็นได้

และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่สายตาของสังคมจับจ้องไปยังหน่วยงานราชการอย่าง กรมทางหลวง หรือตำรวจทางหลวง ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบที่จะต้องป้องกันไม่ให้การเก็บส่วยแบบนี้เกิดขึ้น แต่เมื่อในความเป็นจริงมันกลับเกิดขึ้นแล้ว ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานดังกล่าวมีเอี่ยวด้วยหรือไม่

ในโพสต์นี้ ผมขอขยายประเด็นต่อเนื่องไปจากที่คุณวิโรจน์เปิดไว้ ซึ่งก็จะกลับไปเน้นย้ำสิ่งที่ผมเคยพูดถึงอยู่หลายครั้งว่า สุดท้ายแล้วสิ่งที่เป็นรากฐาน เป็นต้นตอสำคัญของการมีส่วยไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม นั่นคือการมีอยู่ของระบบเส้นสาย ระบบตั๋ว และการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งในหมู่ข้าราชการ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจที่ผมพูดถึงบ่อยมาก หรือข้าราชการอื่นๆ ก็ตาม
ภายใต้ระบบเช่นนี้ ผู้ที่จะเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ได้เลื่อนขั้นขึ้นไปเป็นใหญ่เป็นโตในอนาคตได้ ไม่ได้วัดกันที่ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ตามขอบข่ายความรับผิดชอบของหน่วยงานนั้นๆ แต่กลับวัดกันที่ความสามารถในการหาเงินหรือผลประโยชน์อื่นๆ มาตอบแทนให้กับ ‘นาย’ ที่คอยขายตั๋วให้ หามาให้ได้ โดยไม่ต้องสนใจว่ามันจะถูกหรือผิดอย่างไร ไม่ต้องสนใจว่าวิธีการที่ทำ มันจะไปสร้างความเดือดร้อนให้กับใครบ้าง ซึ่งสุดท้ายแล้วช่องทางหาเงินและผลประโยชน์ที่ข้าราชการเหล่านี้สามารถอ้างใช้อำนาจของตัวเองกอบโกยมาได้ง่ายที่สุดก็หนีไม่พ้นธุรกิจมืดนั่นเอง

ถ้าระบบแบบนี้ยังมีอยู่ การเก็บส่วยก็ไม่มีวันที่จะหมดไป ดังนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดใหม่หลังการเลือกตั้งที่กำลังจัดตั้งขึ้นจะต้องจัดการให้ได้โดยเด็ดขาด รัฐบาลชุดใหม่ที่จะมีนายกรัฐมนตรีจากพรรคการเมืองที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมากที่สุด ชื่อว่า ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’

350139924 1257591948208030 3968088022892006111 n
ด้วยหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีในฐานะประมุขฝ่ายบริหาร ที่จะต้องควบคุมการปฏิบัติงานของข้าราชการในทุกกระทรวง ทุกกรม รวมถึงเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของข้าราชการตำรวจทั้งประเทศ นี่คือภารกิจสำคัญในการปฏิรูประบบราชการ ที่ทั้งคุณพิธาและพรรคก้าวไกลจะต้องบรรลุผลให้ได้ภายในอายุการทำงานของพวกเราครั้งนี้ ถึงเวลาลอกสติกเกอร์ที่ติดประจานความโสมมของประเทศนี้ แล้วชำระล้างเสียใหม่ให้กลายเป็นประเทศที่ทั้งข้าราชการและประชาชนสามารถได้ดิบได้ดีไปด้วยกันผ่านการปฏิบัติต่อกันอย่างสุจริตซื่อตรง มิใช่เป็นนาบนหลังคนให้ใครมาเก็บเกี่ยวกินโดยเบียดเบียนคนอื่นๆ ในสังคมอีกต่อไป”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo