ครม. ไฟเขียว 12 มาตรการ “รับมือหน้าฝน 2566” เร่งหน่วยงานจัดทำแผนปฏิบติ พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ
วันที่ 10 พฤษภาคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี (9 พฤษภาคม 2566) เห็นชอบมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2566 จำนวน 12 มาตรการ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการภายใต้มาตรการดังกล่าว เพื่อรองรับสถานการณ์น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ประกอบด้วย
12 มาตรการ รับมือหน้าฝน 2566
- มาตรการที่ 1 คาดการณ์ชี้เป้าพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและพื้นที่เสี่ยงช่วงฝนทิ้งช่วง (มี.ค. 2566 เป็นต้นไป) โดยประเมินพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและดินโคลนถล่มในช่วงมีนาคม-ธันวาคม 2566 และประเมินพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำจากช่วงฝนทิ้งช่วงในช่วงมิถุนายน-กรกฎาคม 2566
- มาตรการที่ 2 บริหารจัดการพื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อรองรับน้ำหลาก (ภายในสิงหาคม 2566) เตรียมความพร้อมการใช้พื้นที่ลุ่มต่ำ/แก้มลิงเป็นพื้นที่หน่วงน้ำ ในช่วงฤดูน้ำหลาก หลักเกณฑ์การใช้พื้นที่ลุ่มต่ำเป็นพื้นที่รับน้ำนองและการจ่ายเงิน ค่าทดแทนหรือค่าชดเชยความเสียหายในพื้นที่เอกชน
- มาตรการที่ 3 ทบทวน ปรับปรุงเกณฑ์บริหารจัดการน้ำ ในแหล่งน้ำ/เขื่อนระบายน้ำและจัดทำ แผนบริหารจัดการน้ำเชิงบูรณาการ (ก่อนฤดูฝนและตลอดช่วงฤดูฝน) ทบทวน ปรับปรุงหลักเกณฑ์และมาตรฐานการบริหารจัดการน้ำ สำหรับใช้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และการบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของกลุ่มลุ่มน้ำ เช่น จัดทำแผนบริหารจัดการนำ้ระดับลุ่มน้ำในพื้นที่นำร่อง (ลุ่มน้ำวังและลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออก) ติดตามสถานการณ์น้ำในแหล่งน้ำทุกขนาด และจัดทำแผนการบริหาร จัดการน้ำ แหล่งน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางในช่วงภาวะวิกฤต
- มาตรการที่ 4 เตรียมความพร้อม ซ่อมแซม ปรับปรุง อาคารชลศาสตร์ ระบบระบายน้ำ สถานีโทรมาตร ให้พร้อมใช้งาน และปรับปรุงแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ (ก่อนฤดูฝน และตลอดช่วงฤดูฝน) ได้แก่ (1) เตรียมความพร้อมซ่อมแซมปรับปรุงอาคารชลศาสตร์ และระบบระบายน้ำ ให้พร้อมใช้งาน (2) ซ่อมแซม ปรับปรุง สถานีโทรมาตร ให้พร้อมใช้งาน (3) ปรับปรุงแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ
- มาตรการที่ 5 เตรียมพร้อม/วางแผนเครื่องจักร เครื่องมือ บุคลากร ประจำพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม และพื้นที่เสี่ยงในช่วงฝนทิ้งช่วง (ก่อนฤดูฝนและตลอดช่วงฤดูฝน) ได้แก่ (1) เตรียมพร้อม/วางแผนเครื่องจักร เครื่องมือ ประจำพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและพื้นที่เสี่ยงในช่วงฝนทิ้งช่วง เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร (2) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำและปรับปรุงวิธีการส่งน้ำในพื้นที่เสี่ยง ในช่วงฝนทิ้งช่วง เช่น วางแผนการจัดสรรน้ำให้สอดคล้อง กับปริมาณน้ำต้นทุน
- มาตรการที่ 6 ตรวจความมั่นคงปลอดภัย คัน ทำนบ และพนังกั้นน้ำ (ก่อนฤดูฝน และตลอดช่วงฤดูฝน) ตรวจสอบความมั่นคง แข็งแรง ของคันกั้นน้ำ ทำนบ และพนังกั้นน้ำ พร้อมทั้งซ่อมแซมและปรับปรุงให้มีสภาพพร้อมใช้งาน
- มาตรการที่ 7 เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ของทางน้ำ (ก่อนฤดูฝนและตลอดช่วงฤดูฝน) เช่น จัดทำแผนบูรณาการด้านเครื่องจักรเครื่องมือ/สารชีวภัณฑ์ ในการกำจัดวัชพืช ผักตบชวา และขยะในลำน้ำ ขุดลอกคูคลอง
- มาตรการที่ 8 ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ ตั้งศูนย์ส่วนหน้าก่อนเกิดภัยและฟื้นฟูสภาพให้กลับสู่ สภาพปกติ (ตลอดช่วงฤดูฝน) ได้แก่ (1) ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุและจัดเตรียมพื้นที่อพยพอย่างน้อยภาคละ 1 พื้นที่ (2) ตั้งศูนย์ส่วนหน้าก่อนเกิดภัย เพื่อเตรียมความพร้อม และบริหารจัดการสถานการณ์ (3) จัดทำแผนการฟื้นฟูสภาพให้กลับสู่สภาพปกติ
- มาตรการที่ 9 เร่งพัฒนาและเก็บกักน้ำในแหล่งน้ำทุกประเภทช่วงปลายฤดูฝน (ตุลาคม-พฤศจิกายน 2566 ) เร่งเก็บน้ำ/สูบทอยน้ำส่วนเกิน ในช่วงปลายฤดูฝนไปเก็บ และพัฒนา แหล่งเก็บกักน้ำขนาดเล็กเพิ่มขึ้น ได้แก่ สระน้ำ หนองน้ำ และบ่อน้ำตื้น
- มาตรการที่ 10 สร้างความเข้มแข็งเครือข่ายภาคประชาชนในการให้ข้อมูลสถานการณ์ (ก่อนฤดูฝนและตลอดช่วงฤดูฝน)
- มาตรการที่ 11 การสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ (ก่อนฤดูฝนและตลอดช่วงฤดูฝน) ประชาสัมพันธ์ในการเตรียมความพร้อม รับสถานการณ์ช่วงฤดูฝนให้ทุกภาคส่วนได้รับรู้และเข้าใจ
- มาตรการที่ 12 ติดตาม ประเมินผล ปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภัย (ตลอดช่วงฤดูฝน)
นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ยังได้มีข้อสั่งการให้ประชาสัมพันธ์การเตรียมการในส่วนของมาตรการต่างๆ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ และให้แจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอย่างทันท่วงทีในช่วงฤดูฝนนี้ด้วย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- สธ. ชวนฉีดวัคซีนคู่ ‘โควิด-ไข้หวัดใหญ่’ ก่อนเข้าสู่การระบาดช่วงหน้าฝน 2566 ย้ำเปิดเทอม พบเด็กป่วย ให้หยุดเรียน
- กรมอุตุฯ ย้ำ ‘เป็นไปไม่ได้’ ประเทศไทย ‘ร้อนจัด 50 องศา’ เพราะมีลมพัดหมุนเวียน และเตรียมเข้าฤดูฝน
- กทม. สั่ง 50 เขต ตรวจสอบความแข็งแรงหน่วยเลือกตั้ง พร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็วแก้ปัญหา กรณีเกิดพายุฟ้าคะนอง