General

อัปเดต 7 ปีกฎหมายอุ้มบุญ ไฟเขียวตั้งครรภ์แทนแล้วกว่า 600 ราย กวดขันจ้างอุ้มบุญ

กรม สบส. เผยความคืบหน้าการบังคับใช้กฎหมายอุ้มบุญ 7 ปี อนุญาตตั้งครรภ์แทนแล้ว 621 ราย ย้ำสถานพยาบาลเอกชน ปฏิบัติตามกฎหมาย  

นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 หรือที่เรียกกันว่า กฎหมายอุ้มบุญ ตราขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้คู่สมรสที่ถูกต้องตามกฎหมายซึ่งมีบุตรยากได้มีบุตร รวมทั้งควบคุมการศึกษาวิจัยมิให้มีการนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง

กฎหมายอุ้มบุญ

จากผลการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา มีคู่สามี-ภรรยาที่มีบุตรยากมีความประสงค์จะขออนุญาตให้ผู้อื่นตั้งครรภ์แทน หรือที่เรียกกันติดปากว่า อุ้มบุญ รวม 684 ราย

ในจำนวนนี้ คณะกรรมการคุ้มครองเด็กที่เกิด โดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (กคทพ.) ได้พิจารณาอนุญาตให้มีการตั้งครรภ์แทนแล้ว 621 ราย

นอกจากนี้ ยังมีคู่สามี-ภรรยา ติดต่อขอรับคำปรึกษาต่อการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ นับร้อยคู่ต่อปี แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อเทคโนโลยีทางการแพทย์ และการบังคับใช้กฎหมายของไทย

นพ.สุระ กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่การระบาดของโรคโควิดเริ่มคลี่คลายลง ประกอบกับนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเดินทางกลับเข้ามาในประเทศ เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญในการสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ ปีละกว่า 4,000 ล้านบาท

นพ.สุระ วิเศษศักดิ์
นพ.สุระ วิเศษศักดิ์

ทั้งนี้เนื่องจากประเทศไทยมีสถานพยาบาล ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานการให้บริการด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ มากถึง 104 แห่ง อีกทั้งมีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์เฉลี่ยสูงถึง 46% จึงเป็นจุดดึงดูดให้คู่สมรสที่มีบุตรยากเดินทางเข้ามารับบริการในไทย

อย่างไรก็ตาม จากการเดินทางเข้ามารับบริการทางการแพทย์ของชาวต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้น ขอเน้นย้ำให้ผู้ประกอบกิจการ และผู้ดำเนินการสถานพยาบาลเอกชนทุกแห่ง กวดขันบุคลากรให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด มีการสื่อสารทำความเข้าใจกับผู้รับบริการชาวต่างชาติ ถึงเงื่อนไขในการรับบริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในประเทศไทย

ตัวอย่างเช่น การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) การผสมเทียม การรักษาภาวะมีบุตรยาก ชาวต่างชาติสามารถรับบริการได้ แต่คู่สามี-ภรรยาชาวต่างชาติไม่สามารถรับบริการให้หญิงอื่นตั้งครรภ์แทนได้ เพราะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย

หากสถานพยาบาลเอกชน ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และร่วมเป็นหูเป็นตาให้กับภาครัฐ ย่อมป้องปรามมิให้เกิดการกระทำผิด และขจัดมิให้เกิดการลักลอบเป็นเอเจนซี่ หรือนายหน้าชักชวนให้มีการรับจ้างอุ้มบุญ การขายไข่ อสุจิ ตัวอ่อน และการรับจ้างอุ้มบุญ ซึ่งขัดต่อหลักกฎหมาย และศีลธรรม

ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ
ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ

ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวต่อว่า การรับบริการด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ อย่างวิธีการตั้งครรภ์แทน หรืออุ้มบุญ กฎหมายอนุญาตให้เฉพาะคู่สมรสชาวไทยที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย หรือเป็นคนไทยที่แต่งงานกับชาวต่างชาติ จะต้องจดทะเบียนสมรสมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี และมีภาวะมีบุตรยาก

ทั้งนี้ ไม่อนุญาตให้คู่สมรสซึ่งเป็นชาวต่างชาติทั้งคู่ทำอุ้มบุญ หญิงที่รับตั้งครรภ์แทนจะต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด และต้องเคยมีบุตรมาก่อน หากยังอยู่กินกับสามี จะต้องได้รับการยินยอมจากสามีก่อน ส่วนหญิงผู้ไม่เคยมีบุตรไม่สามารถรับตั้งครรภ์ได้

ในส่วนของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ให้บริการ จะต้องตรวจประเมินความพร้อมทางร่างกาย จิตใจและสภาพแวดล้อมของผู้รับบริการ

กรณีหญิงที่รับตั้งครรภ์แทน สามารถใช้ 2 วิธีคือ ใช้อสุจิและไข่ของคู่สมรสที่ต้องการมีบุตร หรือใช้อสุจิหรือไข่ของคู่สมรสกับไข่หรือ อสุจิบริจาค ห้ามใช้ไข่ของหญิงที่รับตั้งครรภ์แทน และห้ามทำในเชิงพาณิชย์ หากฝ่าฝืนจะมีโทษตามกฎหมายทั้งแพทย์ นายหน้า คู่สมรส และหญิงที่ตั้งครรภ์แทน

หากพบการกระทำผิดกฎหมายเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วนกรม สบส. 1426 เพื่อติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo