เช็กง่าย 4 วิธี รู้ทัน เบอร์โทรศัพท์แปลกตาที่โทรเข้ามา แต่ถ้าเผลอกดรับสาย เจอข้ออ้างแบบนี้ต้องรีบวางทันที!
- นำเบอร์โทรศัพท์ หรือเบอร์แปลกที่โทรเข้ามาไปเช็กใน Google เพื่อตรวจสอบประวัติเบอร์ผู้ใช้
- พิมพ์หมายเลขค้นหาใน Facebook หากเบอร์โทรนั้นเคยผูกกับบัญชีเฟซบุ๊ก คุณก็มีสิทธิ์จะพบเบอร์โทรดังกล่าว
- ค้นหาผ่านช่องทาง Line โดยกดช่อง “เพิ่มเพื่อน” จากนั้นเลือก “หมายเลขโทรศัพท์” ถ้าเบอร์โทรนั้นผูกกับไลน์ ก็มีสิทธิ์จะพบเบอร์โทรดังกล่าว
- โหลดแอปพลิเคชัน WHOSCALL เพื่อช่วยในการค้นหาตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ เบอร์โทรแปลก ๆ ที่โทรเข้ามา โดยแอปจะแจ้งเตือนที่หน้าจอว่าเบอร์ที่โทรเข้ามานั้นเป็นเบอร์ของใคร
6 ข้ออ้างมิจฉาชีพ เจอแบบนี้ต้องรีบวางสาย!
ถ้าเผลอกดรับสายจะพูดคุยโน้มน้าว หรือข่มขู่ให้เหยื่อตกใจ จนเกิดการหลงเชื่อ และโอนเงินให้มิจฉาชีพในที่สุด โดยข้ออ้างส่วนใหญ่ที่มิจฉาชีพมักใช้จะหลอกเหยื่อมีดังนี้
1. บัญชีเงินฝากถูกอายัด/หนี้บัตรเครดิต : มิจฉาชีพจะขออายัดบัญชีเงินฝากของเหยื่อ อ้างว่าเป็นหนี้บัตรเครดิต หลอกให้เหยื่อตกใจ รีบโอนเงินมาให้
2. บัญชีเงินฝากพัวพันกับการค้ายาเสพติด หรือการฟอกเงิน : มิจฉาชีพ จะอ้างว่าบัญชีเงินฝากของเหยื่อเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย หลอกให้เหยื่อโอนเงินเข้าบัญชีที่เตรียมไว้ โดยอ้างว่าจะทำการตรวจสอบ
3. เงินคืนภาษี : มิจฉาชีพจะอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร แจ้งเหยื่อว่าได้รับเงินคืนภาษี โดยให้ยืนยันรายการตามคำบอกที่ตู้เอทีเอ็ม ซึ่งแท้จริงแล้วกลับเป็นขั้นตอนที่มิจฉาชีพหลอกให้เหยื่อโอนเงิน
4. โชคดีได้รับเงินรางวัล : มิจฉาชีพจะอ้างเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทต่างๆ แจ้งเหยื่อว่าได้รับเงินรางวัลหรือของรางวัลที่มีมูลค่าสูง หลอกให้เหยื่อโอนเงินค่าภาษีมาให้ก่อนรับรางวัล
5. ข้อมูลส่วนตัวหาย : มิจฉาชีพจะอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่สถาบันการเงิน อ้างว่าทำข้อมูลของเหยื่อสูญหาย เพื่อขอข้อมูลของเหยื่อใหม่ หลังจากนั้นจะนำไปปลอมแปลงหรือใช้บริการทางการเงินแทน
6. โอนเงินผิด : มิจฉาชีพจะติดต่อไปยังสถาบันการเงินของเหยื่อ เพื่อขอสินเชื่อแทนเหยื่อ เมื่อสถาบันการเงินอนุมัติและโอนเงินเข้าบัญชีให้เหยื่อแล้ว มิจฉาชีพจะโทรศัพท์ไปหาเหยื่อ อ้างว่าโอนเงินผิดบัญชี หลอกให้เหยื่อโอนเงินดังกล่าวคืนให้
ขอบคุณข้อมูลศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทยAnti-Fake News Center Thailand
อ่านข่าวเพิ่มเติม