ครม. เห็นชอบเสนออุทยานประวัติศาสตร์ “ภูพระบาท” ขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม จาก UNESCO ต่อจากเมืองโบราณศรีเทพ
นางสาวทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบการนำเสนอ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เพื่อขอรับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม จาก UNESCO ตามที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอ
ทั้งนี้ นับเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านวัฒนธรรมของไทย เพราะพื้นที่ที่ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลก จะช่วยให้สัดส่วนการท่องเที่ยวด้านวัฒนธรรมเพิ่มขึ้น และพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ไม่มีแผนงาน/โครงการขนาดใหญ่ของหน่วยงานอื่น ที่จะกระทบต่อการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ตั้งอยู่ในพื้นที่ อำเภอบ้านเผือ จังหวัดอุดรธานี ครอบคลุมพื้นที่ ประมาณ 3,662 ไร่ ประกอบด้วย อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ประมาณ 3,599 ไร่ และแหล่งวัฒนธรรมสีมา วัดพระพุทธบาทบัวบาน ประมาณ 62 ไร่
สำหรับหลักเกณฑ์ที่เข้าข่ายในการขอขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก 2 ข้อ คือ
- เกณฑ์ข้อที่ 3 เป็นเอกลักษณ์ หายากยิ่ง หรือเป็นของแท้ดั้งเดิม เช่น สีมาหิน หรือภาพเขียนสีต่าง ๆ เป็นต้น
- เกณฑ์ข้อที่ 5 เป็นตัวอย่างลักษณะอันเด่นชัดของขนบธรรมเนียมประเพณีแห่งสถาปัตยกรรม วิธีการก่อสร้าง หรือการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ มุ่งเน้นการเชื่อมโยงกับขนบธรรมเนียมประเพณี เช่น หลักฐานการตัดแต่งหินเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เป็นต้น
ความโดดเด่นของอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท คือ มีความสำคัญด้านเป็นพื้นที่ที่พบหลักฐานการเข้ามาใช้พื้นที่อย่างต่อเนื่องมากกว่า 3,000 ปี ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่มีหลักฐาน เช่น ภาพเขียนสีตามเพิงหิน
นอกจากนี้ ยังมีวัฒนธรรมโดดเด่นที่เรียกว่า สีมา เป็นการปักเสาหินล้อมรอบเพิงหินจนกลายเป็นลานศักดิ์สิทธิ์หรือลานพิธีซึ่งเป็นการผสมผสานความเชื่อดั้งเดิมเกี่ยวกับเพิงหินสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และความเชื่อแบบพระพุทธศาสนาในการปักเสาหิน เพื่อกำหนดพื้นที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งเป็นแหล่งเดียวที่ตั้งอยู่บนภูเขาและยังคงสภาพสมบูรณ์ครบถ้วนที่สุดในไทย และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับการบริหารจัดการอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทได้มีการจัดทำแผนแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทปี 2565 – 2569 ซึ่งได้ผ่านการทำประชาพิจารณ์และการมีส่วนร่วมของชุมชนและประชาชนในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว
แผนดังกล่าวจะครอบคลุมการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ การปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม แผนบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยว การจัดทำแผนชุมชนด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม และการจัดทำข้อบัญญัติท้องถิ่นในด้านการอนุรักษ์ เป็นต้น
ปัจจุบันไทยมีพื้นที่ขึ้นทะเบียนมรดกโลก 6 แห่ง แบ่งออกเป็น
- มรดกโลกทางวัฒนธรรม 3 แห่ง
1. เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร
2. นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาและเมืองบริวาร
3. แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง
- มรดกโลกทางธรรมชาติ 3 แห่ง
1. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่–ห้วยขาแข้ง
2. ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่
3. กลุ่มป่าแก่งกระจาน ที่ประสบความสำเร็จในการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2564
นอกจากนี้ยังมีเมืองโบราณศรีเทพ ที่อยู่ระหว่างเสนอชื่อเข้าสู่บัญชีแหล่ง มรดกโลก ตามมติ ครม. วันที่ 19 มกราคม 2564
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘บรูไน-มาเลย์-สิงคโปร์-ไทย’ จ่อเสนอชุด ‘เคบายา’ เป็นมรดกโลก
- ‘ยูเนสโก’ ขึ้นทะเบียน ‘บาแกตต์ฝรั่งเศส-มวยเขมร’ เป็น ‘มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้’
- ‘ยูเนสโก’ คัดเลือก ‘กทม.-สุโขทัย’ เป็นเมืองสร้างสรรค์แห่งใหม่