General

สธ.ลั่นถ่ายโอน รพ.สต. ให้ อบจ. ดูแล ยึดตามกฏหมาย เหลืออีก 9 จังหวัด 331 แห่ง

สธ. ยืนยัน ถ่ายโอน รพ.สต. ให้ อบจ. ยึดถูกต้องตามกฎหมายและสองฝ่ายมีความพร้อม ล่าสุดเหลืออีก 9 จังหวัด รวม 331 แห่ง

นายแพทย์พงศ์เกษม ไข่มุกด์ รองปลัด กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความก้าวหน้าการถ่ายโอน รพ.สต. และสอน. ให้แก่ อบจ. ว่า ได้กำชับและสื่อสารกับผู้บริหารในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายของปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และให้มีการเตรียมความพร้อม ทั้งฝ่ายรับ และฝ่ายโอนในพื้นที่

ถ่ายโอน รพ.สต.

ทั้งนี้ ในส่วนกลางระดับอนุกรรมการถ่ายโอนฯ ได้ทำความชัดเจนในหลักการ และหลักเกณฑ์การถ่ายโอนในรอบที่ 2 ปี 2567  ดังนี้

ประการที่ 1 บุคลากรที่จะถ่ายโอนตามภารกิจ เป็นไปตามคู่มือการถ่ายโอนฯ และการยืนยันของผู้แทนสำนักงาน ก.พ. ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2565 ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจฯ ซึ่งมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

ประการที่ 2 งบประมาณ ซึ่งมี 2 ส่วน คือ ส่วนแรก เป็น fix cost ของรพ.สต. ตามขนาด S, M, L ซึ่งสำนักงบประมาณเป็นหน่วยดำเนินการ และส่วนที่สอง งบประมาณหลักประกันสุขภาพ หรือ งบ UC ซึ่งเป็นงบที่ รพ.สต. เคยได้รับนั้น หน่วยงานในระดับพื้นที่ คือ สสจ. และ อบจ. ต้องเจรจาหารือตามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับงบในส่วนผู้ป่วยนอก (OP) และงบในส่วนรายการส่งเสริมป้องกันสุขภาพ (PP) ให้เกิดข้อตกลงทั้งสองฝ่าย

นายแพทย์พงศ์เกษมกล่าวต่อว่า ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้มอบอำนาจให้แก่นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) เป็นผู้ลงนามการส่งมอบ และบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ นายก  อบจ.

นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์
นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์

ขณะที่ในแต่ละพื้นที่ สสจ.และ อบจ. ต้องมีการประสานหารือ ติดตามตรวจสอบ ทบทวนประเด็นต่าง ๆ ที่อาจยังมีความไม่ชัดเจน หรือยังเป็นข้อกังวลใจอย่างรอบคอบและต่อเนื่อง เพื่อให้การถ่ายโอนภารกิจเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ และลดผลกระทบทั้งต่อการให้บริการประชาชน หน่วยงานและบุคลากรที่ต้องถ่ายโอน จึงอาจทำให้บางจังหวัดมีความล่าช้าอยู่บ้าง

แต่ขณะนี้ถือว่าคืบหน้าไปอย่างมาก มีการถ่ายโอนไปแล้ว 40 จังหวัด รวม 2,932 แห่ง ส่วนที่เหลืออีก 9 จังหวัด รวม 331 แห่ง ทางพื้นที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ

หากทั้งสองฝ่ายเห็นว่าสิ่งที่ยังไม่ชัดเจนหรือยังเป็นข้อกังวลใจในการถ่ายโอน สามารถแก้ปัญหาได้ ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการบริการประชาชน หรือบุคลากรที่ต้องถ่ายโอน ก็สามารถลงนามการส่งมอบและ MOU ได้ทันที

กระทรวงสาธารณสุข เริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับช่วงที่อาจจะมีการระบาดของโรคโควิด 19 เพิ่มขึ้น รวมถึงไวรัสอุบัติใหม่ตัวอื่นของโรคทางเดินหายใจที่เริ่มมีรายงาน และโรคติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด ที่อาจก่อให้เกิดการเจ็บป่วยและผลกระทบตามมา

ทั้งนี้ เนื่องจากระบบเดิมที่ดำเนินการอยู่ทางระบาดวิทยา คือการเฝ้าระวังโรค การควบคุมและป้องกันโรค การส่งต่อ ตลอดจนการรายงานข้อมูลและวิเคราะห์ เพื่อให้เกิดการสั่งการตามระดับถึงในพื้นที่ ซึ่งอาจมีปัญหาเนื่องจากไม่สามารถสั่งการตรงได้ แต่เป็นการประสานงานแทน ทำให้อาจรับมือได้ไม่ทันท่วงที

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo