COVID-19

เรื่องเล่าจาก Lab ดร.อนันต์ เผย ‘ไวรัส PSD’ ลูกหลาน BA.2.75 เปลี่ยนแปลงหนีภูมิ จากการติดเชื้อซ้ำ

เรื่องเล่าจาก Lab ดร.อนันต์ เผย ‘ไวรัส PSD’ ลูกหลาน BA.2.75 เปลี่ยนแปลงหนีภูมิ จากการติดเชื้อซ้ำ คาดเมืองไทยน่าจะมีเยอะ

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana เล่าเรื่องจาก Lab จากการวิจัยตัวอย่างน้ำลายจากผู้ป่วยโควิด ดังนี้

เรื่องเล่าจาก Lab ครับ…

เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ผมได้รับตัวอย่างน้ำลายจากผู้ป่วยโควิดรายหนึ่ง เคสนี้น่าสนใจตรงที่ว่าเป็นเคสที่เพิ่งหายป่วยจากโควิดเมื่อประมาณไม่ถึง 3 เดือน ทำให้เป็นไปได้สูงว่าการติดโควิดซ้ำนี้ น่าจะมาจากไวรัสที่มีการเปลี่ยนแปลงหนีภูมิคุ้มกันได้ดี

BA.2.75

หลังจากที่เพาะเชื้อสำเร็จ ก็ทำการโคลนยีนหนามสไปค์และส่งถอดรหัสพันธุกรรม ในขณะที่รอผลการถอดรหัส ทีมวิจัยได้ทดสอบสมมติฐานว่าไวรัสชนิดนี้หนีภูมิได้ในระดับไหน

ทดสอบไวรัสหนีภูมิได้ระดับไหน

เราได้นำไวรัสดังกล่าวมาบ่มกับแอนติบอดีชนิด monoclonal antibody ที่เป็นหนึ่งในแอนติบอดี ที่สามารถยับยั้งไวรัสโอมิครอน BA.2 และ BA.5 ได้ดีมาก (ขออนุญาตสงวนชื่อทางการค้าของแอนติบอดีนะครับ)

และ บ่มกับตัวอย่างซีรั่มของผู้เคยติดเชื้อโควิด 2 ราย แล้วมีโอกาสได้รับวัคซีน mRNA ชนิด bivalent มาเมื่อประมาณ 1-2 เดือนที่ผ่านมา

และ สุดท้ายบ่มกับ สารสกัดจากพืชชนิดหนึ่ง ที่ทีมวิจัยพบว่า มีฤทธิ์ยับยั้งการเข้าสู่เซลล์ของไวรัสได้ (หนึ่งใน candidate ที่ทีมวิจัยได้ทุนวิจัยจาก วช ในการหาสารยับยั้งต้านไวรัส)

โดยการบ่มแอนติบอดีหรือสารสกัด กับไวรัสใช้เวลาเท่ากัน โดยปริมาณที่ใช้จากมากไปหาน้อย หลุมที่ 1 คือ มากสุด และ หลุมที่ 5 คือน้อยสุด ส่วน หลุมที่ 6 เป็นไวรัสเปล่าๆ เพื่อเป็นกลุ่มควบคุมปริมาณไวรัสที่ใช้ และ ปล่อยให้ไวรัสติดเซลล์ประมาณ 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นทำการย้อมเซลล์

จุดดำๆที่เห็น คือ เซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส เราใช้จำนวนจุดเป็นตัวแทนจำนวนไวรัสที่ถูกยับยั้งการเข้าเซลล์ได้ เทียบกับ หลุมที่ไม่มีสารยับยั้ง

BA.2.75

ผลที่ได้ชัดเจนว่า ไวรัสตัวที่ทีมวิจัยแยกออกมาได้ หนีแอนติบอดีได้แบบ 100% คือ ความเข้มข้นสูงสุดไม่มีผลต่อการยับยั้งการเข้าของไวรัสเลย ส่วนภูมิจากวัคซีนดูเหมือนจะสามารถยับยั้งไวรัสได้ระดับหนึ่ง จุดที่ยับยั้งไวรัสได้ประมาณครึ่งนึงคือ ความเข้มข้นในหลุมที่ 2 ซึ่งคือ 1:200 ซึ่งเป็นค่าที่ไม่สูงมาก แต่ยังเพียงพออยู่

ที่น่าสนใจ คือ สารสกัดสามารถยับยั้งไวรัสชนิดนี้ได้ดี ไม่แตกต่างจากไวรัสสายพันธุ์อื่นๆ ซึ่งเหมือนจะบอกว่า กลไกการยับยั้งของสารสกัด อาจไม่ขึ้นกับการตำแหน่งที่สไปค์กลายพันธุ์ไปเพื่อหนีการจับของแอนติบอดี …

ความสนใจของทีมวิจัยตอนนี้คือ สารกัดดังกล่าว จับสไปค์อย่างไรถึงยับยั้งไวรัสได้

ไวรัสแบบ PSD ลูกหลานของไวรัส BA.2.75 ที่เปลี่ยนแปลงหนีภูมิ

หลังจากที่ผลการถอดรหัสออกมา ทีมวิจัยก็พบว่า ไวรัส (ตั้งชื่อว่า PSD ตามชื่อผู้ติดเชื้อ ไม่ใช่ชื่อตามระบบนะครับ) ที่แยกได้ จริงๆ แล้วเป็นลูกหลานของไวรัส BA.2.75 แต่เป็น BA.2.75 ที่มีการเปลี่ยนแปลงของตำแหน่งสำคัญเพิ่มขึ้นอีก 4 ตำแหน่ง

ส่งผลให้ PSD อยู่ใน Rank ที่สูงกว่า BQ.1.1 แต่ต่ำกว่า XBB ถ้าจัดตามตำแหน่ง mutation ดังภาพ ซึ่งข้อมูลนี้สอดคล้องกับผลทดสอบข้างต้น

ตอนนี้สายพันธุ์ที่อยู่ในประเทศไทยมีความหลากหลายพอสมควร ไวรัสในลักษณะแบบ PSD น่าจะหาได้อีกไม่ยาก

BA.2.75

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo