เริ่มคลายกังวล! ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ เปิดข้อมูลล่าสุด พบ หลายประเทศอัปเดตสถานการณ์ระบาด โอไมครอน สายพันธุ์ย่อย “XBB-BQ.1” ไม่พบผู้ติดเชื้อที่มีอาการรุนแรง
วันนี้ (30 ต.ค.) ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กเพจ Center for Medical Genomics กล่าวถึงสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ย่อย XBB-BQ.1 โดยระบุว่า
หลายประเทศเริ่มคลายความกังวลเมื่อ องค์การอนามัยโลก (WHO) ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งยุโรป (the European Center for Disease Prevention and Control: ECDC) สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพของสหราชอาณาจักร (the United Kingdom’s Health Security Agency: HSA) และ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (U.S. Centers for Disease Control and Prevention: U.S. CDC) อัปเดตสถานการณ์การระบาดของโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BQ.1
ในขณะที่กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ อัปเดตสถานการณ์การระบาดของโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย XBB
WHO โดยหัวหน้าฝ่ายเทคนิคของภารกิจโควิด-19 “ดร.มาเรีย ฟาน เคอร์คอฟ” แถลงอัปเดตสถานการณ์การระบาดของโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย XBB และ BQ.1 เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมาดังนี้
WHO และภาคีทั่วโลกได้เฝ้าติดตามโอไมครอนกลายพันธุ์สายพันธุ์ย่อยที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างใกล้ชิด พบว่ากว่า 80% ของตัวอย่างส่งมาถอดรหัสพันธุกรรมที่ห้องปฏิบัติการทั่วโลกยังคงเป็นโอไมครอนสายพันธุ์ BA.5
WHO และชาติสมาชิกพบว่า โอไมครอน ซึ่งจัดเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล (variant of concern: VOC) ได้มีการกลายพันธุ์ไปมากกว่า 300 สายพันธุ์ย่อย ทำให้ WHO ได้เพิ่มหมวดใหม่ให้กับระบบติดตามโอไมครอน คือ “โอไมครอนสายพันธุ์ย่อยที่ควรเฝ้าติดตาม” (Omicron subvariants under monitoring) เช่น BQ.1 และ XBB
เพื่อส่งสัญญาณไปยังหน่วยงานสาธารณสุขทั่วโลก ได้ร่วมติดตามเฝ้าระวังโอไมครอนสายพันธุ์เหล่านี้เป็นพิเศษว่า จะเป็นภัยคุกคามต่อสุภาพของประชาชนทั่วโลกหรือไม่ เมื่อเทียบกับโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยอื่น โดยหากพบว่าสายพันธุ์เหล่านี้ มีลักษณะพันธุ์กรรมจีโนม และสามารถก่อโรคที่รุนแรง ต่างไปจากโอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม WHO อาจพิจารณาตั้งชื่อเรียกใหม่
จากการถอดรหัสพันธุกรรมโอไมครอนทั่วโลก WHO และเครือข่ายพบโอไมครอน 2 สายพันธุ์ย่อย “XBB” และ “BQ.1” ที่มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่าโอไมครอนทุกสายพันธุ์ในปัจจุบัน แต่ไวรัส 2 สายพันธุ์ย่อยดังกล่าว ยังคงแพร่ระบาดในระดับต่ำ (low level of circulation) กล่าวคือเพิ่มจำนวนอย่างช้า ๆ เมื่อเทียบกับโอไมครอน BA.5
โอไมครอน XBB เป็นสายพันธุ์ลูกผสม (recombinant) ระหว่าง BA.2.10.1 และ BA.2.75 ในขณะที่โอไมครอน BQ.1 เป็นเหลนของ BA.5
เป็นที่น่ายินดีที่ทั่วโลกยังไม่พบผู้ติดเชื้อโอไมครอน XBB หรือ BQ.1 ที่มีอาการรุนแรงต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น หรือแตกต่างไปจากโอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม เช่น BA.1,BA.2,BA.4 และ BA.5 อย่างมีนัยสำคัญ
แต่ WHO มิได้ประมาทยังคงร่วมมือกับชาติสมาชิก เฝ้าติดตามการแพร่ระบาดของโอไมครอนทุกสายพันธุ์ย่อยอย่างใกล้ชิดต่อไป WHO เน้นย้ำว่าการตรวจวินิจฉัยด้วย ATK, PCR และการถอดรหัสพันธุกรรม ยังคงดำเนินการได้เป็นปรกติกับโอไมครอน BQ.1 และ XBB
วัคซีนยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดิมในการป้องกันการติดเชื้อที่เจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตกับบรรดา “โอไมครอนสายพันธุ์ย่อยที่ควรเฝ้าติดตาม (Omicron subvariants under monitoring) BQ.1 และ XBB
ECDC และ HSA แสดงข้อมูลตรงกันว่าจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เริ่มลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว ประมาณ 2% โดย ดร. แมรี แรมซีย์ ผู้อำนวยการ HSA กล่าวว่า จำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลที่ลดลง ชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จของโครงการส่งเสริมการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของประเทศที่ผ่านมา
ในระหว่างนั้นมีประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นถึง 10 ล้านคน อย่างไรก็ตาม เธอเตือนประชาชนว่า อย่าพึ่งนอนใจ เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยต่าง ๆ อาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้งในช่วงฤดูหนาวที่กำลังมาเยือน
ดร. อเล็กซ์ เซลบี้ นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้คำนวณอัตราการเพิ่มจำนวนของโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยต่าง ๆ และจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และเสียชีวิตเนื่องจากโควิด-19 ในอังกฤษ คาดการ (จากการคำนวณ) ว่า จากนี้จนถึงปลายปี 2565 “ไม่น่าจะมีการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ (ในอังกฤษ)” จากโอไมครอน เพราะในขณะนี้ ดูเหมือนสายพันธุ์ย่อยที่ก้าวร้าวที่สุด (BQ.1.1, XBB.1) เพิ่มจำนวนอย่างช้า ๆ ในขณะที่โอไมครอน BA.5 ลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่อง
CDC รายงานว่า สัดส่วนโอไมครอน BA.5 และ BA.4.6 ลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือ 49.6% และ 9.6% ในขณะที่ BQ.1 และ BQ.1.1 เพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 14% และ 13.1% ตามลำดับ โดยจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาตังในโรงพยาบาล และเสียชีวิตจากการติดเชื้อโอไมครอนมิได้เพิ่มขึ้น
กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อโอไมครอน และโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย XBB ประจำสัปดาห์ลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลความรุนแรงของการเกิดโรค (severity) จากข้อมูลในรอบ 28 วันของประเทศสิงคโปร์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวน 177,904 ราย เป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ หรืออาการไม่รุนแรงแยกตัวอยู่บ้าน 99.7% ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลและต้องให้ออกซิเจน 0.2% ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องเข้ารักษาตัวใน ICU จำนวน 0.04% และ ผู้ที่เสียชีวิตเนื่องจากการติดเชื้อโควิด-19 จำนวนเพียง 0.02%
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้จำนวนประชากรสิงคโปร์ที่ติดเชื้อ XBB อย่างรุนแรงและเสียชีวิต มีจำนวนลดลง เมื่อเที่ยบกับสายพันธุ์ BA.5 ที่ระบาดมาก่อนหน้านี้ เป็นเพราะประชากรสิงคโปร์ได้รับวัคซีนครบโดส 92% ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นถึง 80% โดยกลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบางได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- น่ากังวล! นักวิจัยเผย ‘ไวรัสไฮบริด’ RSV+ไข้หวัดใหญ่ ผู้ติดเชื้อมีอาการรุนแรง เร่งผลิตวัคซีนป้องกัน
- เอาแล้วไง! นักวิจัยเผย ‘วัคซีนรุ่น 2’ กระตุ้นภูมิได้ต่ำกว่า ‘สูตรเดิม’
- ไขคำตอบ! ทำไม ‘ไวรัสอีโบลา’ จึงไม่หายไปจากธรรมชาติ ทั้งที่ไม่พบผู้ป่วยนานแล้ว