COVID-19

ปรับปรุงใหม่!! แนวทางใช้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป LAAB กลุ่มเสี่ยง-เปราะบาง อ่านรายละเอียดที่นี่

สธ. เผยแนวทางการใช้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป ฉบับปรับปรุง สำหรับกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง ยังต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 

นพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวในงานเสวนาวิชาการผ่านระบบออนไลน์ เรื่อง ข้อมูลการใช้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB) สำหรับผู้ป่วยกลุ่มเปราะบาง จัดโดยสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ว่า ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป หรือ Long Acting Antibody (LAAB) ซึ่งเป็นแอนติบอดีที่ออกฤทธิ์ยาว มีกลไกลการออกฤทธิ์ในการจับกับบริเวณโปรตีนหนาม ทำให้เชื้อไวรัสไม่สามารถเข้าสู่เซลล์ได้

ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป

ทั้งนี้ จากการผลการศึกษาพบว่า สามารถป้องกันโควิดแบบมีอาการได้ 83% gมื่อติดตามไป 6 เดือน สามารถลบล้างฤทธิ์ต่อทุก ๆ สายพันธุ์กลายพันธุ์ที่ระบาดอยู่ในปัจจุบัน รวมถึง BA.4 และ BA.5

อย่างไรก็ตาม LAAB เมื่อฉีดเข้าไปแล้ว ร่างกายสามารถใช้ได้เลย ส่วนวัคซีนป้องกันโควิด เป็นสารที่นำเข้าสู่ร่างกายด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ฉีดหรือกิน เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้งภูมิต้านทานโรค ต้องรอประมาณ 2 สัปดาห์ในการสร้างภูมิคุ้มกัน

ดังนั้น จึงแนะนำว่า กลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ หรือกลุ่มที่ไม่สามารถสร้างภูมิต้านทานได้ หลังรับวัคซีนโควิดไปแล้ว ก็ควรมารับวัคซีนเข็มกระตุ้นต่อจนครบตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข และค่อยมารับ LAAB เพิ่มเติมตามคำแนะนำแพทย์

นพ.วีรวัฒน์
นพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ

สำหรับ LAAB ฝาสีเทาเข้ม และสีขาว โดยมี 2 ชนิดขนาดยารวม 300 มก. และจะฉีดเข้ากล้ามเนื้อบริเวณสะโพกชนิดละข้าง ข้างละ 1.5 มล.โดยหลังฉีดผลข้างเคียงน้อยมาก ส่วนใหญ่ปวด บวม ส่วนใหญ่หายได้เองภายใน 2-3 วัน

กลุ่มที่ควรได้รับ LAAB คือ ผู้ที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ที่ตอบสนองต่อวัคซีนได้น้อยกว่าคนทั่วไป และผู้ที่ไม่สามารถรับวัคซีนโควิด

ปัจจุบันการใช้ LAAB มีทั้งการป้องกันโควิด และการรักษา โดยการใช้เพื่อการป้องกันการติดเชื้อโควิดนั้น มีอังกฤษ สหรัฐอเมริกา กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป รัสเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และประเทศไทย

ประเทศ

ส่วนประเทศที่ใช้ LAAB ในการรักษาโควิด19 แบบคนไข้นอก มียุโรป สิงคโปร์ และญี่ปุ่น ส่วนประเทศไทยในอนาคตอาจมีคำแนะนำการรักษาตามมา

ทั้งนี้ จากคำแนะนำการให้ LAAB เมื่อเดือนกรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา ระบุว่าให้ใช้ได้ตั้งแต่ผู้ที่อายุมากกว่า หรือเท่ากับ 12 ปี มีน้ำหนัก 40 กิโลกรัม โดยกลุ่มเป้าหมาย กำหนดเป็นผู้ป่วยไตวายที่ได้รับการปลูกถ่ายไต และได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยไตวายที่ได้รับการฟอกเลือด ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน และผู้ป่วยปลูกถ่ายไขกระดูกที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน

LAAB

ล่าสุด มีคำแนะนำฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 เมื่อเดือนกันยายน 2565 โดยเพิ่มเติมกลุ่มเสี่ยง คือ ผู้ป่วยโรคข้ออักเสบและโรคแพ้ภูมิตัวเอง ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยตามข้อบ่งใช้ที่องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา หรือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของไทย อนุมัติ และ ผู้ป่วยที่อาจมีภูมิคุ้มกันต่ำ เป็นต้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo