“หมอนิธิพัฒน์” ชี้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป หนึ่งในอาวุธต่อสู้กับโควิดต่อจากนี้ จับตาเชื้อไวรัสพัฒนาตัวเองจนดื้อยา
รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก นิธิพัฒน์ เจียรกุล ถึงภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป ป้องกันการติดเชื้อโควิด โดยระบุว่า
ที่บ้านริมน้ำ วันนี้เป็นวันแรกในรอบกว่าสองเดือนที่ไม่มีผู้ป่วยโควิดตกค้างรอเตียง สำหรับสถิติทั้งประเทศ เป็นวันที่ห้าติดต่อกันแล้วที่ยอดผู้ป่วยอาการรุนแรงสะสมน้อยกว่า 600 คนต่อวัน และเป็นวันที่สองเช่นกันที่ยอดผู้ป่วยต้องรับไว้ในโรงพยาบาลสะสมน้อยกว่า 5,000 คนต่อวัน
อาวุธหนึ่งในการต่อสู้กับโควิดต่อจากนี้คือ ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป ที่บ้านเรามีใช้อยู่ตัวเดียวคือ Evusheld (tixagevimab plus cilgavimab)
แต่ในแนวทางการรักษาฉบับล่าสุดขององค์การอนามัยโลกเมื่อ 16 กันยายน 2565 ยังคงแนะนำยากลุ่มนี้สองตัวคือ casirivimab plus imdevimab ถ้าแน่ใจว่าไม่ใช่โอไมครอน และ sotrovimab ที่อาจยังพอช่วยผู้ป่วยกลุ่มเปราะบางไม่ให้โรคที่เกิดจากโอไมครอนรุนแรงขึ้นมาได้
แต่ก็มีคำเตือนว่ายาทั้งสองตัวนี้มีแนวโน้มว่า น่าจะไม่ได้ผลสำหรับโอไมครอนในปัจจุบัน
ส่วนในแนวทางของ สถาบันสุขภาพแห่งชาติอเมริกา (NIH) ที่ปรับปรุงล่าสุดเมื่อ 18 สิงหาคม 2565 แนะนำให้เลิกใช้ bamlanivimab plus etesevimab, casirivimab plus imdevimab, และ sotrovimab ในการรักษาผู้ป่วยกลุ่มเปราะบางที่ติดเชื้อโอไมครอน คงเหลือยาตัวเดียวที่ยังใช้ได้คือ Evusheld
สาเหตุส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการศึกษาที่ทำในประเทศเนเธอร์แลนด์ ระหว่างเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ปีนี้ ในผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยยา sotrovimab ตามข้อบ่งชี้จำนวน 18 คน โดยทำการเก็บเชื้อซาร์โควี-2 มาตรวจทางพันธุกรรมเป็นระยะ ๆ ตั้งแต่ก่อนเริ่มให้ยา ไปจนถึง 52 วันหลังได้รับยา เชื้อทั้งหมดเป็นสายพันธุ์ย่อย BA.1/2
พบว่าภายใน 3 ถึง 31 วันหลังได้รับยา มีผู้ป่วย 10 คน (56%) เกิดการกลายพันธุ์ของเชื้อขึ้นภายหลัง โดยผลของการกลายพันธุ์นี้ทำให้การกำจัดไวรัสจากร่างกายของผู้ป่วยนานขึ้น เฉลี่ยจาก 19.6 ไปเป็น 32 วัน
แม้ว่าประสิทธิผลของ Evusheld ในหลอดทดลอง จะยังได้ผลดีต่อโอไมครอน BA.4/5 เท่าที่ลองหาดูยังไม่มีรายงานประสิทธิภาพการใช้งานในโลกแห่งความเป็นจริง
จนกระทั่ง CNN ออกข่าวเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ ว่าเริ่มพบการใช้ไม่ได้ผลกับสายพันธุ์ย่อย BA.4.6 ที่พบระบาดราว 7-10% ในอเมริกา
คงเช่นเดียวกับยาต้านจุลชีพทั่วไป ที่หากใช้กันมากทั้งตามข้อบ่งชี้และนอกข้อบ่งชี้ จะเป็นแรงกดดันให้เชื้อพัฒนาตัวเองไปสู่การดื้อยาได้ง่ายขึ้น
บ้านเราที่ถือว่าโชคดีรัฐบาลจัดหายาราคาสูงนี้มาให้ประชาชนใช้โดยไม่คิดมูลค่า จึงควรต้องตระหนักและถนอมใช้ยาดีนี้ เพื่อคงการมีประสิทธิภาพให้สูงสุดและให้นานที่สุดด้วย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอนิธิพัฒน์’ แนะวิธีจัดระบบระบายอากาศในบ้าน ป้องกันเชื้อโรคล่องลอยในอากาศ
- ‘หมอนิธิพัฒน์’ รอลุ้น ชุดตรวจโควิดจากลมหายใจ ฝีมือคนไทย
- ‘หมอนิธิพัฒน์’ จับตา ปริศนาการเกิดภาวะไวรัสหวนคืน หลังรับยาแพ็กซ์โลวิด