“หมอธีระ” ชี้โควิดวันนี้ขาลงชัดเจน หวังว่าจะดีไปอย่างต่อเนื่อง ลุ้นปะทุใหม่ช่วงเดือนธันวาคม พร้อมเฝ้าระวังสายพันธุ์ BA.2.75 BA.4.6, และ BJ.1
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิดวันนี้ 698 ราย –> คาดประมาณ 23,267 ราย ขาลงชัดเจน ระลอกก่อน ๆ ไทยเรามักอยู่ในช่วงสงบราว 6-10 สัปดาห์ หวังว่าจะดีไปอย่างต่อเนื่อง
หากปะทุใหม่แบบระลอกก่อน ๆ ก็จะเป็นช่วงธันวาคม
ปัจจุบันทั่วโลก ยังไม่มีสายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดรุนแรงวงกว้าง แต่ที่ต้องเฝ้าระวังมากคือ สายพันธุ์ BA.2.75, BA.4.6, และ BJ.1
ขอให้ใช้ชีวิตประจำวันอย่างมีสติ ระมัดระวัง ป้องกันตัวสม่ำเสมอ การใส่หน้ากากอย่างถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก
พร้อมระบุอีกว่า เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 285,152 คน ตายเพิ่ม 603 คน รวมแล้วติดไป 613,694,480 คน เสียชีวิตรวม 6,516,263 คน 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญึ่ปุ่น รัสเซีย ไต้หวัน เกาหลีใต้ และฝรั่งเศส เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 8 ใน 10 อันดับแรก และ 16 ใน 20 อันดับแรกของโลก
…สถานการณ์ระบาดของไทย
จากข้อมูล Worldometer เช้านี้พบว่า จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก และอันดับ 5 ของเอเชีย แม้สธ.ไทยจะปรับระบบรายงานตั้งแต่ 1 พฤษภาคมจนทำให้จำนวนที่รายงานนั้นลดลงไปมากก็ตาม
…ประเด็นที่น่าพิจารณาเกี่ยวกับนโยบายยาต้านไวรัสระดับชาติ
ยาต้านไวรัสนั้นใช้เพื่อหวังผลอะไรกันแน่? ผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ทางคลินิก (Desired clinical endpoints) คือ ลดโอกาสป่วยรุนแรง ลดการเสียชีวิต ลดหรือกำจัดปริมาณไวรัสในร่างกาย ดังนั้น ปัจจัยเหล่านี้จึงควรเป็นปัจจัยหลักในการพิจารณาสรรพคุณของยาต้านไวรัสมิใช่หรือ?
ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงของไข้ ชีพจร ความดันโลหิต การหายใจ ซึ่งเป็นตัวแปรทางคลินิกที่ไม่ตรงกับผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ที่เราเรียกมันว่า surrogate outcomes
ทั้งนี้ ตัวแปรทางอ้อมเช่นนี้ อาจสัมพันธ์หรือไม่สัมพันธ์เลยกับผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ก็ได้ โดยอาจมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อตัวแปรทางอ้อมนั้นเช่นกัน
ที่น่าสนใจคือ นโยบายสำหรับคนในสังคมนั้น น่าจะชี้แจงให้กระจ่างว่า สุดท้ายแล้วยานั้นหวังผลอะไรกันแน่ และทางเลือกอื่น ๆ ที่ให้ผลดีกว่า เท่ากับ หรือแย่กว่า มีอะไรบ้าง โดยสำแดงให้เห็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ใช้ในการพิจารณาทั้งหมด และนำไปสู่การแจ้งให้รับทราบว่า สุดท้ายแล้วเหตุใดจึงใช้ยานั้น ๆ
หากเราทำเช่นนี้ได้ ความกระจ่างก็จะเกิดขึ้น ทรัพยากรของชาติก็จะถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความคุ้มค่า และคนในสังคมก็จะสามารถตัดสินใจประพฤติปฏิบัติได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
สุดท้ายแล้ว เชื่อว่าทุกคนหวังใจไว้มิใช่หรือ ที่จะปกป้องสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตของคน ดังนั้น หากคิดว่าเป็นตัวเรา เราจะทำอย่างไร และจะตัดสินใจใช้อะไรบ้าง อย่างไร นั่นคือสิ่งที่น่าจะเป็นคำตอบ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอธีระ’ ย้ำ! โควิดไม่ใช่โรคตามฤดูกาล ไม่ใช่หวัดธรรมดา ไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่
- ‘หมอธีระ’ สั่งจับตา ‘โอไมครอน BA.2.75’ อันตราย! ทำป่วยหนัก-เสียชีวิตมากขึ้น
- ‘หมอธีระ’ เปิดผลวิจัย Long COVID ทำหัวใจผิดปกติ! ไม่ติดเชื้อดีที่สุด