COVID-19

‘หมอนิธิพัฒน์’ ประกาศโควิด กทม.ดีขึ้น ไต่ลงจากจุดพีคระลอก 5.2 แนะวิธีรับมือในอนาคต

“หมอนิธิพัฒน์” ประกาศ สถานการณ์โควิด กทม. กำลังดีขึ้น ลงจากช่วงพีคระลอก 5.2 ช้า ๆ แนะการเตรียมตัวรับมือกับโควิดต่อไปในอนาคต

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก นิธิพัฒน์ เจียรกุล แนะวิธีรับมือกับโควิดต่อไปในอนาคต หลังโควิด กทม. สถานการณ์เริ่มดีขึ้น โดยระบุว่า

LINE ALBUM covid Omicron ๒๒๐๗๒๒ 2

ตื่นขึ้นมารับวันใหม่ที่ยังไม่มีข่าวร้ายเรื่องโควิดมาเข้าหู แม้ยอดวันนี้ผู้ป่วยอาการรุนแรง-ใส่เครื่องช่วยหายใจ-เสียชีวิต จะเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย ไม่คิดว่าเป็นความฝัน และคงไม่เป็นการด่วนสรุปจนเกินไป

สำหรับผมที่อยากประกาศว่า สถานการณ์โควิดในกรุงเทพกำลังดีขึ้นแล้ว และกำลังลงจากจุดสูงสุดของระลอกที่ 5.2 แบบช้าๆ (ระลอกที่ 5 จากเชื้อโอไมครอน โดยมีคลื่นลูกที่ 5.1 จาก BA.2 และคลื่นลูกที่ 5.2 จาก BA.5) เพื่อเตรียมปรับฐานสำหรับรองรับช่วงวันหยุดยาวที่สองในปลายเดือนนี้ และสถานการณ์โดยรวมของทั้งประเทศน่าจะค่อย ๆ สงบลงตามมาในอีก 1-2 สัปดาห์

ผมอยากสื่อสารกับสังคมในทุกช่องทาง เรื่อง การเตรียมตัวรับมือกับโควิดต่อไปในอนาคต เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันถึงความคืบหน้าของสถานการณ์ที่เป็นจริง ทั้งข้อมูลสถิติที่ถูกต้อง เนื้อหาที่ถูกต้องทางวิชาการ และภาระหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นจริงในปัจจุบัน

จากนั้นจึงจะนำไปสู่การหาข้อสรุปร่วมกันของสังคมว่า เราจะเตรียมความพร้อมสำหรับการก้าวเดินต่อไปข้างหน้าเพื่อประเทศชาติอย่างไร ทุกภาคส่วนจะทำหน้าที่ของตัวเองที่เหมาะสมได้อย่างไร

หมอนิธิพัฒน์

ในส่วนที่อยากสื่อถึงภาคประชาชน มีดังนี้

1. รับวัคซีนเข็มมาตรฐานให้ครบ เข็มกระตุ้นอย่างน้อยหนึ่งเข็มสำหรับคนทั่วไป และสองเข็มอย่างน้อยสำหรับคนกลุ่มเปราะบาง หรือคนที่ต้องพบปะผู้คนมาก หรือคนที่ต้องดูแลกลุ่มเปราะบาง วัคซีนช่วยป้องกันการป่วยรุนแรงและลดโอกาสการเสียชีวิตจากโควิด ช่วยลดโอกาสและลดความรุนแรงของกลุ่มอาการลองโควิด

2. ทำกิจกรรมนอกบ้าน ทั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจและกิจกรรมทางสังคม อย่างมีสติและพอประมาณ ระมัดระวังตัวเองตลอดเวลา ใส่หน้ากากเสมอเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ ไม่รวมตัวกันจนแออัด และหมั่นล้างมือ เตรียมพร้อมปรับเปลี่ยนให้รัดกุมขึ้นเมื่อมีสถานการณ์โรคกระเพื่อมในพื้นที่ย่อยที่ตัวเองต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง

3. ทำความคุ้นเคยและรู้จักกับโควิดในฐานะโรคประจำถิ่น โดย

3.1 เมื่อเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง พยายามแยกตัวจากคนอื่นอย่างน้อย 5 วัน สังเกตอาการของโควิด ตรวจเอทีเคทุก 1-2 วัน

3.2 เมื่อเกิดการติดเชื้อแบบไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย ถ้าไม่ใช่กลุ่มเปราะบาง แยกกักตัวในที่พัก ใช้แค่เพียงยารักษาตามอาการ ไม่จำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัส คอยจับสัญญาณรุนแรงให้ได้เร็ว อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ

  • ไข้สูงเกิน 38.0 องศาและไม่หายไปใน 6 ชั่วโมง
  • ขณะพักหายใจเร็วเกิน 22 ครั้งต่อนาที หรือวัดระดับออกซิเจนปลายนิ้วได้ 94% ลงไป
  • ขณะพักชีพจรเต้นเร็วเกิน 100 ครั้งต่อนาที โดยไม่ทราบสาเหตุ ถ้าพบสัญญาณรุนแรงอย่างน้อยหนึ่งข้อให้รีบติดต่อโรงพยาบาลใกล้บ้าน

เมื่ออาการไข้ ไอ จาม หายไปแล้วอย่างน้อย 5-7 วัน ถ้าจำเป็นต้องออกนอกที่พัก ควรตรวจเอทีเคซ้ำว่าผลเป็นลบ และใช้เวลานอกที่พักให้สั้นที่สุด พร้อมใส่หน้ากากตลอดเวลา หลีกเลี่ยงการหยิบจับวัตถุหรือสัมผัสตัวผู้อื่น

3.3 ถ้าเป็นกลุ่มเปราะบาง เมื่อติดเชื้อให้รีบติดต่อโรงพยาบาลใกล้บ้านเพื่อรับยาต้านไวรัส และรับการประเมินความจำเป็นว่าต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือไม่

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo