COVID-19

วิจัยนอกเผย BA.5 แพร่เชื้อสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ ทำโควิดระลอกใหม่ ขึ้นแท่นสายพันธุ์หลัก

“หมอเฉลิมชัย” เผยความสามารถแพร่เชื้อของ BA.5 สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ ยากจะเลี่ยงโควิดระลอกใหม่ แต่ทำให้เล็กลงกว่าการระบาดก่อนหน้าได้

นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย เรื่อง ไทยคงไม่สามารถเลี่ยงโควิดละลอกใหม่จาก BA.5 ได้แล้ว แต่สามารถช่วยกันทำให้ระลอกนี้เล็กกว่าระลอกเดิมได้ ดังนี้

BA.5

 

เป็นที่ทราบตรงกันทั่วโลกแล้วว่า ไวรัสสายพันธุ์หลักในปัจจุบัน เป็นสายพันธุ์ย่อยที่ 5 ที่เรียกว่า BA.5 ซึ่งทยอยเข้ามาทดแทน BA.2 ซึ่งเคยเป็นสายพันธุ์ย่อยหลักเดิม รวมทั้งในประเทศไทยเราด้วย

มีรายงานจากโปรเฟสเซอร์ของมหาวิทยาลัยออสเตรเลียใต้ ( Prof. A.Esterman : U.of South Australia ) ที่เผยแพร่ใน Conversation พบว่า ไวรัส BA.5 มีความสามารถในการแพร่ให้เกิดการติดเชื้อได้สูงที่สุดในบรรดาไวรัสก่อโรคโควิดด้วยกัน ด้วยค่า R0 ( Basic Reproduction Number ) = 18.6

 

เรียงลำดับความสามารถในการแพร่ระบาด เมื่อใช้ค่า R0 มีดังนี้

1. ไวรัสสายพันธุ์อู่ฮั่น 3.3

2. ไวรัสเดลตา 5.1

3. ไวรัสโอไมครอน 9.5

3.1 สายพันธุ์ย่อย BA.2 : 13.3

3.2 สายพันธุ์ย่อย BA.5 : 18.6

ค่าโออาร์

 

จึงมีการสรุปในเบื้องต้นว่า BA.5 มีความสามารถในการแพร่ระบาดสูงสุดในประวัติศาสตร์ และเทียบเท่ากับไวรัสก่อโรคหัดซึ่งสูงสุดเช่นกัน ทำให้เกิดความวิตกกังวลกันมากว่า ประเทศไทยจะประสบปัญหาการระบาดโควิดครั้งใหญ่

ถ้าใช้เฉพาะข้อมูลค่า R0 อย่างเดียว ก็แปลว่า เราจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงกว่าสมัยเดลตากว่า 3 เท่า และสูงกว่าโอไมครอนที่ผ่านมาถึง 2 เท่า ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก

แต่ความจริงจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น เหตุเกิดจาก ค่าตัวเลข R0 เป็นค่าทางสถิติ ที่ใช้บอกความสามารถของไวรัส ที่เมื่อติดเชื้อหนึ่งคนแล้ว จะแพร่ไปให้คนอื่นที่ไม่มีภูมิต้านทานได้กี่คน ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อมาก่อนแล้วหายดี หรือได้รับการฉีดวัคซีนก็ตาม

แต่ขณะนี้ โลกมนุษย์เรามีคนติดเชื้อที่รายงานแล้วกว่า 500 ล้านคน คาดว่าติดเชื้อจริงน่าจะเกิน 2,000 ล้านคน รวมทั้งมีผู้ฉีดวัคซีนหลายพันล้านคน จึงทำให้ค่า R0 ดังกล่าว จะไม่เป็นไปตามสัดส่วนของตัวเลขที่คำนวณได้

โอไมครอน หมอเฉลิมชัย

เพียงแต่ค่า R0 ของไวรัสตัวใหม่ที่ขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์นั้น จะเป็นตัวบอกว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่จะแซงสายพันธุ์เก่าที่มี R0 ต่ำกว่า ขึ้นมาเป็นสายพันธุ์หลักสำเร็จ

แต่จำนวนผู้ติดเชื้อ อาจจะไม่ได้เพิ่มเป็นเท่าตัว เพราะในปัจจุบันมีพลเมืองที่มีภูมิคุ้มกันสูงกว่าในสมัยที่ไวรัสสายพันธุ์เดิมระบาดอยู่

สรุปได้ว่า

1. ไวรัส BA.4/BA.5 มีความสามารถในการแพร่เร็วกว่า BA.2 ประมาณ 40% คือ 18.6 เทียบกับ 13.3

2. ค่า R0 ของ BA.4/BA.5 สูงสุดในบรรดาไวรัสทุกสายพันธุ์ของโควิด

3. ด้วยความสามารถในการแพร่ระบาดที่เร็วขึ้นดังกล่าว จะทำให้ BA. 4/BA.5 จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักของโลกและของประเทศไทย

4. ประเทศไทยจึงเลี่ยงการมีโควิดระลอกใหม่ไม่ได้ แต่จำนวนผู้ติดเชื้อในระลอกใหม่อาจจะไม่ได้มากกว่าระลอก โอไมครอน เมื่อต้นปี หรือของระลอกเดลตา ปีที่แล้ว ทั้งที่มีความสามารถในการแพร่ระบาดมากกว่า เพราะพลเมืองมีภูมิคุ้มกันมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว

5. ยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องใส่หน้ากาก รับวัคซีนเข็มกระตุ้น ลดกิจกรรมเสี่ยง ลดไปสถานที่เสี่ยง เพื่อช่วยกันทำให้ระลอกใหม่ของ BA.4/BA.5 ที่จะเกิดขึ้นแน่นอนนั้น มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่น้อยกว่าระลอกเดิม

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo