สธ. ยังไม่สรุปชัด BA.4-BA.5 รุนแรงขึ้น เบื้องต้นพบผู้ป่วยอาการหนัก มากกว่า BA.2 ต้องเก็บข้อมูลเพิ่มเติม สัดส่วนติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดี กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมด้วย นพ.บัลลังก์ อุปพงษ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ดร.นพ.อาชวินทร์โรจนวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข แถลงการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังช่วงวันที่ 2-8 กรกฎาคม 2565 จำนวน 570 ตัวอย่าง พบสายพันธุ์โอไมครอน BA.4-BA.5 รวมกันเกือบครึ่งหนึ่ง 280 ราย โดยยังพบสัดส่วนในผู้เดินทางจากต่างประเทศสูงทรงตัว 77-78% ราว 3 สัปดาห์ติดต่อกัน
ส่วนในประเทศไทย พื้นที่ กทม.พบ BA.4-BA.5 เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละสัปดาห์จาก 12% เป็น 50% 68% และ 72% ส่วนภูมิภาคค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจาก 6% เป็น 17% และ 34% ตามลำดับ ถือว่าแพร่เร็วและจะเริ่มแซง BA.2 กับ BA.1 แต่ไม่ได้แซงเร็วมาก
อย่างไรก็ตาม เรื่องความรุนแรงนั้น ยังสรุปไม่ได้ชัดเจน แต่ข้อมูลพบว่าเจอสัดส่วนของ BA.4 และ BA.5 ในผู้ป่วยอาการรุนแรงมากกว่าผู้ป่วยอาการไม่รุนแรง ทั้งใน กทม.และภูมิภาค แต่ตัวอย่างยังน้อยเกินไป ต้องมีข้อมูลในระดับหลักร้อยตัวอย่างถึงจะทำให้ข้อมูลแม่นยำมากขึ้น
สำหรับในพื้นที่ กทม. เก็บตัวอย่างผู้ที่อาการไม่รุนแรง 164 ราย เป็น BA.4 และ BA.5 ประมาณ 72% ผู้ที่อาการรุนแรง ปอดอักเสบ ใส่ท่อช่วยหายใจ หรือเสียชีวิตมี 13 ราย เป็น BA.4 และBA.5 ประมาณ 77%
ขณะที่ภูมิภาคผู้ป่วยอาการไม่รุนแรง 309 ราย เจอ BA.4 และ BA.5 รวม 33% ผู้ที่อาการรุนแรง 45 ราย เจอ BA.4 และBA.5 สัดส่วน 46% จึงมีข้อสังเกตเบื้องต้นว่า น่าจะมีความรุนแรงกว่า BA.2 แต่ข้อมูลยังไม่มากพอ เช่นเดียวกับในต่างประเทศ ทั้งองค์การอนามัยโลกหรืออังกฤษก็ยังไม่สรุปเรื่องนี้ชัดเจน
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลของญี่ปุ่น พบว่า BA.4 และ BA.5 ดื้อต่อภูมิคุ้มกันและแพร่กระจายเร็วในเซลล์ปอดของมนุษย์มากกว่า BA.2 ผลการทดลองในหนู พบว่า BA.4 และBA.5 ทำให้หนูทดลองป่วยหนักกว่า BA.2
ดังนั้น จึงได้ประสานให้โรงพยาบาลสังกัดต่าง ๆ ส่งตัวอย่างมาตรวจมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอาการหนักหรือเสียชีวิต รวมถึงข้อมูลของผู้ป่วยด้วย เช่น ประวัติการรับวัคซีน โรคประจำตัว รักษามานานเท่าไร เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนยังเน้นมาตรการส่วนบุคคล ใส่หน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงกิจกรรมเสี่ยง ซึ่งหาก BA.4/BA.5 มีความรุนแรงจริง จะทำให้มีผู้ป่วยอาการหนักมากขึ้นในอนาคตและอาจกระทบกับยาหรือเตียงได้ จึงต้องช่วยกันหยุดแพร่กระจายเชื้อ รวมถึงฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นตามคำแนะนำ จะช่วยป้องกันอาการรุนแรงและเสียชีวิต
นอกจากนี้ สัปดาห์หน้าจะนำข้อมูลผลการศึกษาภูมิคุ้มกันจากวัคซีนสูตรต่าง ๆ ที่ทดลองกับ BA.5 ว่ามีประสิทธิผลเป็นอย่างไร
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- พิษโควิด ซัดกำไรธุรกิจโรงแรมหดหาย ‘สมาคมโรงแรมไทย’ วอนรัฐช่วย ขอผ่อนภาษีที่ดินปี 2565
- ‘หมอยง’ แจกแจง วิธีใช้ยาต้านไวรัส เตือนกลุ่มเสี่ยงติดโควิด ต้องรีบให้ยาภายใน 5 วัน
- ‘อนุทิน’ สั่งสอบ รพ.เอกชน ขายแพคเกจรักษาโควิด-19 ห้ามจ่ายยาเกินความจำเป็น ผิด 2 เด้ง