ศูนย์จีโนมฯ เผยทีมวิจัยกาตาร์ สรปชัด อีกไม่กี่ปีข้างหน้า โควิดกับมนุษย์ จะมีวิวัฒนาการร่วมกัน จนการติดเชื้อคล้ายไข้หวัด
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics บอกข่าวดี ทีมวิจัยจากกาตาร์ สรุปว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าที่ไวรัสโคโรนา 2019 และมนุษย์จะมีการวิวัฒนาการร่วมกันออกมาในรูปแบบ (pattern) ของการติดเชื้อคล้ายกับไวรัสไข้หวัดธรรมดา (common cold virus) หรือไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza virus)
งานวิจัยล่าสุดจากทีมวิจัยจากประเทศกาตาร์ ศึกษาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวนกว่า 1 ล้านคน เก็บข้อมูลมาตั้งแต่ช่วงแรกของการระบาดจากไวรัสอู่ฮั่น ตามมาด้วยการระบาดของสายพันธุ์ อัลฟา เบตา เดลตา จนมาถึง โอไมครอน BA.1, BA.2, BA.4 และ BA.5 ในปัจจุบัน บ่งชี้ว่า
1. ภูมิคุ้มกัน ที่ป้องกันการติดเชื้อซ้ำที่ได้จากการติดเชื้อตามธรรมชาติหรือจากการฉีดวัคซีน (แอนติบอดี จากบีเซลล์:B-cell ที่ทำลายไวรัสอย่างจำเพาะ) มีคุณสมบัติทางชีวภาพ (Biological property) ที่จะด้อยประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อซ้ำอย่างรวดเร็วและหมดลงในเวลาไม่กี่ปี
ประกอบกับคุณสมบัติของไวรัสเอง (Virological property) ที่เป็นไวรัสอาร์เอ็นเอ ซึ่งมีกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่องส่งผลให้แอนติบอดีจำไวรัสที่กลายพันธุ์ไปไม่ได้ ทำให้ประสิทธิภาพในการจับและทำลาย (neutralization) ไวรัสลดลงเช่นกัน
2. ตรงกันข้าม ภูมิคุ้มกันที่ป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต (จากทีเซลล์:T-cell ที่เข้าทำลายเซลล์ติดเชื้อไวรัสแบบไม่จำเพาะ) ยังคงมีประสิทธิภาพดีเต็ม 100 ไม่ลดลง ตลอด 14 เดือนที่ทีมวิจัยเก็บข้อมูล ไม่ว่าผู้ติดเชื้อรายนั้นจะติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์หลักหรือสายพันธุ์ย่อยที่กลายพันธุ์ไปเท่าใดก็ตาม
3. ภูมิคุ้มกันประเภทแอนติบอดีที่ป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งได้จากการติดเชื้อจากธรรมชาติจะยืนยาวกว่าภูมิคุ้มกันที่ได้มาจากการฉีดวัคซีน
ในยุคก่อนการมีการระบาดของโอไมครอน
ภูมิคุ้มกันจากแอนติบอดี ที่ได้จากการฉีดวัคซีนจะคงอยู่ได้ประมาณ 1 ปี ในขณะที่ภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อตามธรรมชาติที่ป้องกันการติดเชื้อซ้ำจะคงอยู่ได้ประมาณ 3 ปี
ในยุคการระบาดของโอไมครอน
ภูมิคุ้มกันจากแอนติบอดี ที่ได้จากการฉีดวัคซีนจะคงอยู่ได้ <6 เดือน ในขณะที่ภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อตามธรรมชาติที่ป้องกันการติดเชื้อซ้ำจะคงอยู่ได้ประมาณ 1 ปี
ทีมวิจัยจากกาตาร์ สรุปว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าที่โควิดกับมนุษย์ จะมีการพัฒนาตนเองออกมาในรูปแบบ (pattern) ของการติดเชื้อคล้ายกับไวรัสไข้หวัดธรรมดา (common cold) หรือไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza)
กล่าวคือ การติดเชื้อไวรัสไข้หวัดธรรมดาจากไวรัสโคโรนา และไวรัสไข้หวัดใหญ่จากไวรัส Influenza จะก่อเกิดภูมิคุ้มกันระยะสั้น(จากแอนติบอดี) ป้องกันการติดเชื้อซ้ำอย่างจำเพาะต่อแต่ละสายพันธุ์ได้เพียงประมาณหนึ่งปีหรือตามฤดูกาล แต่จะมีภูมิคุ้มกันที่ป้องกันอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต(จากทีเซลล์) ที่สามารถป้องกันการติดเชื้อรุนแรงที่ไม่จำเพาะต่อสายพันธุ์ไปได้ตลอดชีวิต
อนึ่ง เนื่องจากไวรัสโคโรนา 2019 มีความสามารถในการกลายพันธุ์หลีกเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ จึงนำไปสู่การระบาดเป็นระลอก (wave) ต่อเนื่องไป (อาจเป็นการระบาดรายปี)
อย่างไรก็ตาม ภูมิคุ้มกันที่ยั่งยืน (memory T และ B cells) จะช่วยป้องกันมิให้เกิดการติดเชื้อซ้ำที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต จะส่งผลต่อรูปแบบของการติดเชื้อของไวรัสโคโรนา 2019 ให้ลดความรุนแรงลงจน สามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ในลักษณะของโรคประจำถิ่นในที่สุด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ศูนย์จีโนมฯ ให้คำตอบ ทำไม ‘ต้องฉีดวัคซีน’ แม้ประกาศเป็น ‘โรคประจำถิ่น’
- โควิดวันนี้ 11 ก.ค. ติดเชื้อรายใหม่ 1,811 ราย ปอดอักเสบ 786 ราย เสียชีวิต 24 ราย
- ‘หมอธีระ’ จี้รัฐบอกความจริง! ชี้คนไทยติดโควิดสะสมพุ่ง 7 ล้านคนแล้ว