COVID-19

ถอดบทเรียนต่างประเทศ ‘ดร.สันต์’ แนะวิธีจบสงคราม ‘โอไมครอน’

“ดร.สันต์” ถอดบทเรียนต่างประเทศ แนะจบสงครามโอไมครอนได้ ต้องฉีดวัคซีนครอบคลุมมากกว่า 80% ผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 70%

ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท กรีนเนอร์ยี่ (ประเทศไทย) จำกัด โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Sunt Srianthumrong เรื่อง โอไมครอน มัลติ-เวฟ เรารู้อะไรเกี่ยวกับ โอไมครอน เวฟย่อยที่ 2 บ้าง โดยระบุว่า

สงครามโอไมครอน

ในหลาย ๆ ประเทศได้เกิด Wave ย่อยที่ 2 ของ โอไมครอนไปแล้ว บางประเทศขึ้น Wave ย่อยที่ 3 แล้ว ผมรวบรวมมาให้ 15 ประเทศครับ เพื่อจะได้พอมองออกว่าอีก 1-2 เดือนข้างหน้านี้ เรากำลังจะเจอกับอะไร และควรวางตัวประมาณไหน

ข้อสรุปสำคัญจากต่างประเทศ

1. ถ้าถอดหน้ากากมากจะเกิด โอไมครอน ย่อยทุก 3 เดือน ถ้ายังใส่หน้ากากจะห่าง 6 เดือน ประเทศที่ใหญ่กว้างมาก ๆ Wave จะห่าง 6 เดือน

2. โอไมครอน Wave ย่อยที่ 2 ผู้ติดเชื้อจะอยู่ในช่วง 30-50% ของ Wave แรก

3. โอไมครอน Wave ย่อยที่ 2 ผู้เสียชีวิตจะอยู่ในช่วง 10-30% ของ Wave แรก

4. โอไมครอน Wave ย่อยที่ 2 ในแอฟริกาใต้ เป็น BA.4, BA.5 แล้ว และมีขนาดเวฟของผู้ติดเชื้อเพียง 30% ของ Wave แรก ส่วนผู้เสียชีวิตราวๆ 10% ของ Wave แรก แต่ประเทศเขาอายุเฉลี่ยต่ำ เป็นคนหนุ่มสาวมาก

5. ถ้าเกิด โอไมครอน Wave ย่อยที่ 3 ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตก็จะลดลงไปอีก

6. ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 50% ของประชากร จะได้รับผลกระทบจาก Wave ย่อยล่าสุดน้อยมาก เช่น อินเดีย เนเธอรแลนด์ โปรตุเกส

7. ประเทศที่เพิ่งติดเชื้อไป 10-20% Wave ย่อยจะใหญ่หน่อย เช่น สิงคโปร์ แต่ก็เล็กกว่า Wave แรกมากอยู่ดี

8. วัคซีนต่อให้ฉีดระดับสูงมาก ก็จะยังเกิด Wave ย่อย แต่ขนาด Wave จะเล็กลง และคนจะตายน้อย

9. ถ้าจะจบ สงครามโอไมครอน วัคซีนอย่างเดียวไม่พอ ติดเชื้อสะสมมาก ๆ ก็ไม่พอ ต้องมีทั้ง 2 อย่างร่วมกัน

10. จุดสิ้นสุดที่น่าจับตาคือ ระดับวัคซีนมากกว่า 80% และติดเชื้อสะสมมากกว่า 70%

LINE ALBUM cover รวมข่าว ๒๒๐๗๐๘

แนวโน้มประเทศไทย

1. ตลอด 5 Wave ที่ผ่านมา ขนาดเวฟใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ คือ 1 < 2 < 3 < 4 <5

2. นี่จะเป็น Wave แรกที่มีขนาดเล็กกว่า Wave ก่อนหน้า

3. เรายังไม่แน่ชัดว่าจะเรียกว่าเป็น Wave ที่ 6 หรือว่า 5.2 ขึ้นอยู่กับขนาดของเวฟจากนี้ไป

4. โอกาสที่ผู้เสียชีวิตต่อวันจะข้าม 50 เป็นไปได้น้อยมาก

5. ผู้ติดเชื้อต่อวันมีโอกาสสูงสุดที่ 50% ของ โอไมครอน Wave แรก คือ 0.5 x 180,000 = 90,000 คนต่อวัน แต่รายงาน PCR น่าจะราว ๆ ไม่เกิน 5,000 ถ้ารวม ATK+ ด้วยไม่น่าเกิน 10,000

6. ถ้าทุกคนไปฉีดวัคซีนและเข็มกระตุ้นครบ 100% จะมีผู้เสียชีวิตต่อวันไม่ถึง 10 คน แต่ฉากทัศน์นี้คงไม่เกิดขึ้น เพราะคนต่อต้านวัคซีนเยอะมาก ๆ ตอนนี้ ก็คงต้องตัวใครตัวมันแล้วครับ

7. Wave นี้เลี่ยงไม่ได้ และจำเป็นสำหรับประเทศไทยเพื่อเดินสู่จุดจบของสงคราม ประเทศไทยต้องมีคนติดเชื้อไปถึง 70% หรือ 50 ล้านคน เพื่อยุติสงครามโอไมครอน

8. ตอนนี้ติดเชื้อจริงน่าจะเกือบ ๆ 50% แล้ว ถ้าไม่เชื่อลองถามคนรอบ ๆ ข้างดูครับ

9. ตอนนี้เราแทบหาบ้านที่ไม่เคยมีใครติดเชื้อเลย แทบไม่เจอแล้ว

เป้าหมายและผู้คนที่ต้องปกป้อง

1. Vaccine Coverage มากกว่า 80% และผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 70%

อย่างแรกเราได้แล้วโดยประมาณ และจะไม่ดีขึ้นกว่านี้อีกแล้ว ไปไม่ถึง 100% แน่นอน ส่วนอย่างที่ 2 จะบรรลุด้วย โอไมครอน Wave ย่อยนี้ ถ้ายังไม่ได้เดี๋ยวย่อยที่ 3 ก็จะมากวาดอีกรอบ

LINE ALBUM วัคซีนโควิดรพ.สนามยา ๒๒๐๕๑๘

2. โรงพยาบาลต้องได้รับการปกป้องสำหรับผู้ป่วยทุกกลุ่ม บุคคลากรทางการแพทย์หนักแน่นอน ซึ่งจะหนักสลับกันไปเป็นพื้นที่ ๆต้องช่วยกันสนับสนุน และส่งกำลังใจกันต่อเนื่องอีกสักพักใหญ่ครับ

3. เด็กเล็กต่ำกว่า 5 ขวบที่รอวัคซีนและกลุ่มเสี่ยง 608 ต้องกันเอาไว้ให้อยู่ในกลุ่ม 30% สุดท้ายที่รอดจากการติดเชื้อให้ได้มากที่สุด

ถ้าเราอยากจะจบสงครามโอไมครอน มีวิธีนี้วิธีเดียวครับ จริง ๆ เราเคยมีทางเลือก Zero Covid ด้วย แต่ทุกประเทศบนโลกปฏิเสธยกเว้นจีน เมื่อเราตัดสินใจแล้วว่าจะมาทางนี้ก็ต้องยอมรับผลของมันและช่วยกันประคองกันไปให้จบทางนี้

จริง ๆ ทางนี้ ในทางสุขภาพก็ไม่ได้แย่จนเกินไป ถ้าคนไปฉีดวัคซีนกันมาก สถานการณ์จะดีกว่านี้เยอะมาก แต่ก็เป็นกันทั่วโลกครับเรื่องแอนตี้วัคซีน เราจึงไม่เหลือทางเลือกอื่นใด นอกจากเดินหน้าฝ่าพายุไป ให้ โอไมครอน กวาดไปในประชากรให้ถึง 70%

ใครที่มั่นใจใช้ชีวิตเต็มที่ ก็จะไปอยู่ใน 70% นั้น ส่วนใครที่ไม่มั่นใจก็หลบภัย แล้วเป็นผู้เหลือรอด 30% แล้วค่อยออกมาใช้ชีวิตในช่วงที่ความเสี่ยงจะลดลงต่ำกว่านี้มาก แม้ว่าจะยังคงเหลืออยู่ตลอดไปก็ตามครับ ซึ่งคนที่เหลือรอด ไม่ใช่ว่าจะไม่ติดโควิดเลยในชีวิตนี้นะครับ

แตสิ่งที่เราคาดหวังได้ก็คือ ความเสี่ยงในการติดโควิดระดับทุกๆ 5-10 ปี ติดแค่ 1 ครั้ง ซึ่งจะต่างจากตอนนี้ที่ในช่วงเวลาแค่ปีเดียวติดกัน 1-2 ครั้ง

แล้วคุณล่ะครับ จะอยู่ใน 70% หรือจะอยู่ใน 30% แต่คิดว่าคนจำนวนมากที่อ่านนี้น่าจะได้เข้าไปอยู่ใน 70% เรียบร้อยแล้วแน่ ๆ ครับ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo