ผลสำรวจ ชี้ ประชาชน 83% ไม่เที่ยว ‘สถานบันเทิง’ เพราะยังกลัวโควิด และเน้นนั่งชิล ไม่แออัด มากกว่ามีเด็กนั่งดริ๊งก์
กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผย ผลการสำรวจ การเฝ้าระวังการตัดสินใจต่อมาตรการปลดล็อกสถานบันเทิง ในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 17 – 30 มิถุนายน 2565 โดยกลุ่มเฝ้าระวังและเตือนภัยพฤติกรรมสุขภาพ กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ผ่านระบบออนไลน์ (Google Form)
โดยได้รับความร่วมมือจาก สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา และวิทยาลัยเทคนิคในพื้นที่เป้าหมาย
ผู้ตอบแบบสำรวจ อายุ 20 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 80 เพศชาย ร้อยละ 20 ตอบแบบสอบถาม จำนวน 7,507 ราย พบว่า มีประชาชนเลือกไม่ไปสถานuันเทิง ร้อยละ 83.5 โดยมีเหตุผล ดังนี้
สาเหตุ ไม่เลือกไปเที่ยว สถานบันเทิง
- ไม่ชอบเที่ยวสถานuันเทิง 92.58%
- กังวลผู้มาใช้บริการไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน 87.97%
- กังวลหากติดโควิด 19 จะส่งผลต่อครอบครัว และการทำงาน 87.56%
- กังวลหากติดโควิด 19 จะมีอาการลองโควิด ร่างกายจะไม่เหมือนเดิม 85.31%
- ไม่มั่นใจมาตรการป้องกันโควิด 19 ของสถานบันเทิง 78.64%
จากข้อมูลชี้ให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่ที่ไม่ไปเที่ยวสถานuันเทิง จากเหตุผลส่วนตัวที่ไม่ชอบเที่ยว และยังมีความกังวลกับมาตรการป้องกันในสถานuันเทิงที่เปิดให้บริการ ที่อาจยังไม่เข้มงวดเท่าที่ควร โดยเฉพาะความกังวลกับโรคโควิด 19 ที่ยังคงอยู่ ซึ่งหากไปเที่ยวสถานบันเทิง อาจเป็นผู้นำเชื้อโรคดังกล่าว มาแพร่กระจายสู่ครอบครัวได้
ดังนั้นสถานuันเทิงที่เปิดให้บริการ จึงต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขและข้อกำหนด ศบค. โดยจำกัดเวลาในการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และให้บริการไม่เกิน 24.00 น. ห้ามบุคคลที่ยังไม่รับวัคซีน/ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ เข้าใช้บริการ
เน้นแบบนั่งชิล มากกว่ามีการรวมกลุ่ม และมีเด็กนั่งดริ๊งก์
สำหรับประชาชนที่เลือกไปสถานuันเทิง 16.5% นั้น เลือกไปสถานuันเทิง 6 รูปแบบ ดังนี้
- สถานuันเทิงแบบนั่งชิล 83.43%
- สถานuันเทิงที่มีคาราโอเกะ 47.37%
- สถานuันเทิงที่ติดแอร์ 45.03%
- สถานuันเทิงที่มีกิจกรรมเต้นรำ และเต้นรวมกลุ่ม 44.7%
- สถานuันเทิงที่ขายแอลกอฮอล์แบบพนักงานผสมเครื่องดื่มให้ 40.66%
- สถานuันเทิงที่มีคู่บริการ เช่น พนักงานนั่งดริ๊งก์/เชียร์เครื่องดื่ม 28.94%
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการปลดล็อกสถานuันเทิงเพื่อผ่อนคลายจากการระบาดเชื้อโควิด 19 ที่กลายเป็นโรคประจำถิ่น และเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจก็ตาม หากแต่พฤติกรรมการใช้บริการสถานuันเทิงในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการร้องคาราโอเกะ การไปในสถานuันเทิงที่ติดแอร์ อากาศปิดไม่ถ่ายเท มีการเต้นรำและเต้นรวมกลุ่ม รวมทั้งการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่อาจมีการใช้แก้วร่วมกัน เหล่านี้ล้วนเป็นพฤติกรรมเสี่ยงที่ส่งผลต่อการแพร่กระจายโรคโควิด 19 ได้
ดังนั้น ในการเปิดสถานuันเทิงในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ต่าง ๆ จึงต้องให้ความร่วมมือลงทะเบียน และประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์ม Thai Stop COVID 2Plus (TSC 2+) ต้องจัดให้มีผู้รับผิดชอบควบคุมกำกับการปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting
และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด 19 ขั้นสูงสุดแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention : UP) อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ แยกสํารับ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่รับประทานร่วมกันในสถานuันเทิงอย่างเข้มงวด
และหากสงสัยว่าตนเองเสี่ยงควรตรวจด้วย ATK ทุก 3 – 5 วัน เพื่อคัดกรองเบื้องต้น เพื่อความปลอดภัยการแพร่กระจายไปยังกลุ่มเพื่อน และในครอบครัวต่อไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ไม่ไหวแล้ว!! ‘กรุงเทพคริสเตียน’ ประกาศ ‘เรียนออนไลน์’ หลังพบนักเรียน ติดโควิด ทะลุ 700 คน
- เผย ‘BA.4 BA.5’ ขาขึ้น ระบาดยาว สั่ง รพ. รับมือเต็มรูปแบบ
- ‘ตรีนุช’ ย้ำ นักเรียนหายจาก ‘โควิด’ กลับเข้าโรงเรียนได้ ไม่ต้องใช้ ใบรับรองแพทย์