COVID-19

เรียนรู้โควิด-19 ทำไมเสี่ยงสูงกลับไม่ติดเชื้อ แต่บางคนติดเชื้ออาการรุนแรง

ศูนย์จีโนมฯ จับมือนานาชาติ เร่งค้นหาสาเหตุการติดเชื้อโควิด-19 กลุ่มที่ติดเชื้อได้ยาก และกลุ่มที่ติดเชื้อแล้วอาการรุนแรง

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ค้นหาสาเหตุการติดเชื้อโควิด-19 ที่แตกต่างกัน โดยบางคนมีความเสี่ยงสูงแต่กลับไม่ติดเชื้อ ขณะที่บางคนกลับติดเชื้อและมีอาการรุนแรง โดยระบุว่า

โควิด-19

ทำไมบางคนแม้จะอยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด นานเท่าใดก็ไม่ติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ใด (resistant)?

ทำไมบางคนเมื่อติดเชื้อโควิด กลับมีอาการรุนแรง บางรายถึงขั้นเสียชีวิตทั้งที่อายุน้อยกว่า 50 ปีและไม่มีโรคประจำตัว (life-threatening)?

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯ ร่วมมือกับ นานาชาติ ถอดรหัสพันธุกรรมผู้ติดเชื้อ (25,000 ยีนจาก 3,000 ล้านเบส) เพื่อไขปัญหาดังกล่าว

จากงานวิจัยบ่งชี้ว่า ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสแทบทุกประเภท รวมทั้งไวรัสโคโรนา 2019 ส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ หรือมีอาการไม่รุนแรง เป็นเพียงส่วนน้อยที่มีอาการรุนแรงและบางรายถึงขั้นเสียชีวิต (ภาพ 1)

1 7

เมื่อไวรัสรุกรานเข้าไปในร่างกายของผู้ติดเชื้อ ส่วนของจีโนมของไวรัสจะไปกระตุ้นให้เซลล์ผู้ติดเชื้อ เช่น เซลล์ปอดให้สร้างสารโปรตีนขึ้นมาต่อต้านในทันทีอย่างไม่จำเพาะ (ต่อต้านไวรัสทุกสายพันธุ์) ซึ่งเรียกกันว่า อินเตอร์เฟียรอน (Interferon: IFN) โดยมีฤทธิ์ขัดขวางการเพิ่มจำนวนของไวรัส (ภาพ 2)

2 8

อินเตอร์เฟียรอนจะถูกสร้างขึ้นมาก่อนแอนติบอดี เพื่อจัดการกับไวรัสทำให้ผู้ติดเชื้อไวรัสส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ หรือมีอาการไม่รุนแรง

งานวิจัยล่าสุดพบว่าเกือบ 20% ของผู้ที่เป็นโรคโควิด-19 ขั้นรุนแรง พบว่าในร่างกายกลับมีการสร้าง แอนติบอดีต่อร่างกายตนเอง (Autoantibody) เข้าทำลาย อินเตอร์เฟียรอน และปริมาณของ Autoantibody จะถูกสร้างเพิ่มขึ้นตามอายุและจะพบมากในผู้มีอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป โดยพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง

3 4

ส่วนอีกประมาณ 3.5% พบว่า เป็นผู้ติดเชื้อที่มียีนกลายพันธุ์มาแต่กำเนิด (inborn errors) ทำให้ร่างกายสร้างอินเตอร์เฟียรอนลดลง หรือไม่สร้างเลย ซึ่งในทั้งสองกรณีส่งผลให้ร่างกายผู้ติดเชื้อผลิตอินเตอร์เฟียรอนลดลง ทำให้ไวรัสสามารถเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่มีอะไรมายับยั้ง ก่อให้เกิดอาการติดเชื้อที่รุนแรง

ในอนาคตหากมีงานวิจัยออกมายืนยันเป็นจำนวนมาก อาจมีการให้อินเตอร์เฟียรอนแก่ผู้ที่มีภาวะ อินเตอร์เฟียรอนบกพร่อง ก็เป็นได้

3 4

ขณะนี้ทีมวิจัยจีโนมผู้ติดเชื้อทั่วโลก กำลังประเมินว่า การฉีดวัคซีนรวมเข็มกระตุ้นที่ช่วยให้ผู้ติดเชื้อ ไม่ป่วยรุนแรงและเสียชีวิต จะสามารถชดเชย (compensate) การกลายพันธุ์ตั้งแต่เกิดของผู้ติดเชื้อที่ส่งผลให้เกิดความบกพร่องทางภูมิคุ้มกัน (primary immunodeficiency) ที่ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างรุนแรงได้หรือไม่

นอกจาก 20 + 3.5% ของผู้ที่เป็นโรคโควิด-19 ขั้นรุนแรงที่เราทราบสาเหตุแล้ว (ภาพ 5) นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกำลังพยายามหาสาเหตุอีก 80% ที่ทำให้ผู้ติดเชื้อต้องมีอาการเจ็บป่วยจากโรคโควิด-19 ที่รุนแรง

5 3

ยิ่งไปกว่านั้นเรายังพบว่ามีคนจำนวนหนึ่งสามารถต้านทานต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Resistant to COVID-19 infection) แม้จะอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อที่มีอาการไอจามอย่างรุนแรงและอยู่ร่วมกันเป็นระยะเวลานาน ทั้งที่ไม่ได้ฉีดหรือฉีดวัคซีนก็ตาม

จึงทำให้เกิดมีโครงการ COVID Human Genetic Effort ขึ้นมา ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระดับนานาชาติ ที่ร่วมด้วยช่วยกันถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์ของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทุกยีน (25,000 ยีน) หรือทั้งจีโนม (3 พันล้านเบส)

เน้นในสองกลุ่มหลักคือ กลุ่มแรกเป็นผู้ที่สามารถต้านทานต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ และกลุ่มที่สองเป็นกลุ่มที่มีการติดเชื้อรุนแรง ว่ามีการกลายพันธุ์ของยีนใดเข้ามาเกี่ยวข้อง

โดยตรวจสอบเปรียบเทียบในประชากรแต่ละเชื้อชาติว่า มีการกลายพันธุ์ ที่ยีนเดียวกันและ บนตำแหน่งเดียวกันของยีน หรือไม่อย่างไร เพื่อนำองค์ความรู้ที่ได้ไปพัฒนาใช้ในการคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงสูงจะติดเชื้อรุนแรง ให้ได้รับยาหรือเวชภัณฑ์ต้านไวรัสอย่างรวดเร็วทันต่อการรักษาที่จะให้ประสิทธิภาพสูงสุด

โครงการ COVID Human Genetic Effort มีศูนย์ถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม (Genome sequencing center) มากกว่า 50 แห่งและโรงพยาบาลหลายร้อยแห่งทั่วโลกเข้าร่วม นำโดย ศ.ฌอง-โลรองต์ คาสโนว่า จากมหาวิทยาลัยร็อคกี้เฟลเลอร์ และ ศ. เฮเลน ซู จากสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (สหรัฐอเมริกา)

ผู้เข้าร่วมในโครงการการมาจากหลายประเทศ หลายเชื้อชาติ จากเอเชีย ยุโรป ลาตินอเมริกา และตะวันออกกลาง รวมทั้งศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ. รามาธิบดี จากประเทศไทย (ภาพ 6)

6

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯ ร่วมมือกับโครงการ COVID Human Genetic Effort ในการเฟ้นหาตำแหน่งสำคัญบนจีโนมของประชากรไทย และประชากรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่รุนแรง รวมทั้งยีนกลายพันธุ์ที่สามารถต้านทานต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 คาดว่าจะมีข่าวดีมารายงานให้ทราบเร็ว ๆ นี้

การถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม ของศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯ ได้พัฒนามาใช้เทคโนโลยี long-read human genome sequencing เพื่อให้สามารถตรวจจับรูปแบบการกลายพันธุ์บนจีโนมมนุษย์ได้ดีขึ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo