COVID-19

WHO ร่วมไทย ถอดบทเรียน 5 ปัจจัยรับมือ ‘โควิด’ สำเร็จ โชว์เวทีโลกปลายพ.ค.นี้

สธ.-WHO สรุปบทเรียนไทยรับมือวิกฤติโควิด สำเร็จจาก 5 ปัจจัย เตรียมแถลงเวทีโลกปลายพฤษภาคมนี้

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข และ นพ.จอส ฟอนเดลาร์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย ร่วมกันแถลงผลสรุปการจัดกิจกรรมการทบทวนการเตรียมความพร้อมกรณีภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและสุขภาพถ้วนหน้า หรือ Universal Health and Preparedness Review (UHPR)

WHO

นายอนุทินกล่าวว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) เลือกประเทศไทยให้เป็นประเทศต้นแบบลำดับที่ 3 ในการนำร่องจัดกิจกรรมการทบทวนการเตรียมความพร้อมกรณีภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและสุขภาพถ้วนหน้า จากการรับมือการระบาดใหญ่ของโรคโควิด 19

ทั้งนี้ เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แนวปฏิบัติที่ดี และข้อเสนอแนะระหว่างประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลก

สำหรับข้อสรุปเบื้องต้น พบว่า ประเทศไทยมีการบริหารจัดการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขกรณีโควิด 19 เป็นอย่างดี มีความยืดหยุ่น ปรับตัวไปตามสถานการณ์ และเน้นการปฏิบัติได้จริง

ปัจจัยสำคัญ ไทยรับมือวิกฤติโควิด สำเร็จ

1. มีการสนับสนุนโดยผู้บริหารระดับสูงที่กำหนดนโยบายประเทศ

2. ระบบสาธารณสุขไทยมีความเข้มแข็ง จากการลงทุนในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และระบบปฐมภูมิมาอย่างต่อเนื่องกว่า 4 ทศวรรษ

3. มีความร่วมมือเชื่อมต่อทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และภาคการศึกษา รวมถึง อสม.

4. มีกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชนและชุมชน

5. มีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล นวัตกรรมและการวิจัยเพื่อการตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูล

อนุทิน
อนุทิน ชาญวีรกูล

อุปสรรคและความท้าทายที่ยังสามารถพัฒนาได้ 

  • การบูรณาการข้อมูลจากหลายแหล่ง
  • การดูแลกลุ่มเปราะบาง เช่น แรงงาน ผู้อาศัยในชุมชนแออัด ให้เข้าถึงบริการสุขภาพมากขึ้น
  • การเตรียมความพร้อมรับภาวะฉุกเฉินในเขตเมืองและระบบปฐมภูมิ
  • การต่อยอดหรือสร้างความยั่งยืนในการใช้นวัตกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • การจัดการกับขยะทางการแพทย์หรือขยะติดเชื้อ

ข้อเสนอลงทุนเพิ่มเติม

  • ลงทุนนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้สามารถใช้งานต่อเนื่อง
  • พัฒนากำลังคนแบบสหสาขา และนำกลยุทธ์ที่ใช้ได้ดีไปเตรียมพร้อมรับมือการระบาดครั้งต่อไป
  • ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสุขภาพ สุขภาวะของประชาชนที่ครอบคลุมถึงกลุ่มเปราะบาง
  • ยกระดับขีดความสามารถการพึ่งพาตนเองด้านวัคซีน ยา ชุดตรวจ และเวชภัณฑ์
  • พัฒนากลยุทธ์ในการบูรณาการข้อมูล
  • ค้นหาและบันทึกตัวอย่างที่ดี บทเรียนที่สำคัญในการจัดการกับการระบาดใหญ่เพื่อเผยแพร่ต่อไป

นายอนุทินกล่าวว่า ประเทศไทยได้รับคำชมจากผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลก ถึงนโยบายและมาตรการแนวทางการดำเนินงานดูแลประชาชน ทั้งการรักษาพยาบาลผู้ป่วยและการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19

ทางองค์การอนามัยโลก ระบุว่า ยินดีสนับสนุนและร่วมทำงานกับประเทศไทย โดยขอให้ประเทศไทยจัดทำรายงาน UHPR และเสนอต่อคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เพื่อขอความเห็นชอบรายงาน

พร้อมกันนี้ ให้เตรียมการแถลงประสบการณ์ UHPR ในที่ประชุม World Health Assembly (WHA) ปลายเดือนพฤษภาคม 2565 และร่วมกับอีก 3 ประเทศนำร่องในการทบทวนปรับปรุงกระบวนการ UHPR ให้ดียิ่งขึ้นก่อนนำไปใช้ในประเทศอื่น ๆ

จอส
นพ.จอส ฟอนเดลาร์

WHO แนะหลักพื้นฐานสำคัญสู้โควิด

ด้าน นพ.จอส กล่าวว่า หลักพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้ประเทศใด ๆ เตรียมพร้อมและตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขได้ดี จะต้องมี ดังนี้

1. ผู้นำทางการเมืองระดับสูงรับเรื่องเป็นพันธสัญญา

2. การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน

3. กรอบความรับผิดชอบ 3 ด้าน ได้แก่ สุขภาพถ้วนหน้า การเตรียมพร้อมตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน และสุขภาวะที่ดีขึ้นของประชากร

ความสำเร็จจะเกิดได้ขึ้นกับการนำไปสู่การลงมือปฏิบัติโดยถือเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน ซึ่ง ดร.สมิลา อัสมา ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก แสดงความชื่นชมที่รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องนี้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo