COVID-19

หยุดให้ร้ายวัคซีนป้องกันโควิด ‘หมอขวัญชัย’ ลั่นคนปล่อยข่าวควรรับผิดชอบชีวิตที่สูญเสีย

“หมอขวัญชัย” แจกแจงประโยชน์ของวัคซีนป้องกันโควิด ผลวิจัยชัดลดอาการรุนแรง-เสียชีวิต ลั่นคนให้ข่าวร้าย ทำคนไม่อยากฉีดวัคซีน ควรรับผิดชอบ

ศ.นพ.ขวัญชัย ศุภรัตน์ภิญโญ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Khuanchai Supparatpinyo ชวนคุยเรื่องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด หลังมีข่าวให้ร้าย ทำคนไม่อยากฉีดวัคซีน โดยระบุว่า

วัคซีนป้องกันโควิด

วันนี้ชวนคุยเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดกันหน่อย

สาเหตุมาจาก 2 ข่าวดังในสื่อกระแสหลักวันนี้

1. ผลวิจัยญี่ปุ่นบอกผู้ฉีด-ไม่ฉีดวัคซีนหากติดเชื้อโอไมครอนแทบไม่ต่างกัน

2. จดหมายเปิดผนึกถึงเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ขอให้ระงับการฉีดวัคซีนโควิด เพราะเกิดผลข้างเคียงรุนแรง

ข่าวแรก

1. ไม่แน่ใจว่าผู้ให้ข่าวและสื่อมวลชนที่ตีไข่ใส่ข่าว มีวัตถุประสงค์ใดกันแน่ หวังว่าคงไม่ใช่ต้องการให้คนไทยทุกคนเลิกไปฉีดวัคซีน เพราะท่านรู้อยู่แก่ใจว่าคนที่ไม่ฉีดวัคซีนโดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือมีโรคประจำตัวเรื้อรังมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อรุนแรงหรือเสียชีวิตมากกว่าคนที่ฉีดแล้วหลายเท่า

shutterstock 1931845223

2. แต่ถ้าอ่านงานวิจัยให้ดีๆก็พอจะสรุปได้ว่าการฉีดวัคซีน 2 หรือ 3 เข็มไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อและแพร่เชื้อโอไมครอนได้ ซึ่งที่จริงเป็นเรื่องเก่าที่รู้กันมาระยะหนึ่งแล้ว เพราะตอนนี้ทุกการศึกษาทั่วโลกได้ผลที่ไม่แตกต่างกันมากคือ การใช้วัคซีนทุกชนิดซึ่งผลิตจากเชื้อสายพันธุ์ดั้งเดิม และได้รับอนุญาตให้ใช้เป็นกรณีฉุกเฉินในปัจจุบันไม่ว่าจะกี่เข็มก็ตาม ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อที่มีการกลายพันธุ์ค่อนข้างมาก เช่น โอไมครอนได้

แต่ทุกการศึกษาก็ยืนยันตรงกันว่าการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 หรือ 3 เข็มขึ้นไปสามารถลดการเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากโควิดได้เกือบ 100%

ข่าวที่สอง

1. ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจกับทุกชีวิตที่สูญเสียไป หลังจากได้รับวัคซีน แต่ต้องยอมรับก่อนว่าเป็นส่วนน้อยมากของคนที่ได้รับวัคซีนทั่วโลก 5,000 กว่าล้านคน และจำนวนไม่น้อยที่เสียชีวิตด้วยเหตุอื่นไม่ใช่จากวัคซีนโดยตรง ข้อมูลจากทั่วโลกมีดังนี้

  • จนถึงวันนี้คนทั่วโลกฉีดวัคซีนรวมทุกชนิดไปแล้วกว่า 5,000 ล้านคน รวมวัคซีนที่ฉีดไปแล้วกว่า 10,000 ล้านโดส
  • วัคซีนเป็นวัตถุออกฤทธิ์ทางชีวภาพไม่ใช่อาหารเสริม ยังไงก็ต้องมีผลข้างเคียงไม่มากก็น้อย อยู่ที่คนเราจะพิจารณาเปรียบเทียบระหว่างประโยชน์ที่จะได้กับผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นว่ามากน้อยเพียงใดและยอมรับได้หรือไม่ วัคซีนที่มีผลข้างเคียงมากแต่ให้ประโยชน์น้อยในที่สุดก็จะไม่มีคนใช้ไปเอง
  • ในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งมีการเก็บและรายงานข้อมูลผู้ที่ได้รับวัคซีนค่อนข้างเป็นระบบ พบว่ามีผู้เสียชีวิต (ไม่ว่าเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีนโดยตรง) หลังจากได้รับวัคซีนประมาณ 0.0025%
  • อัตราการป่วยตายจากโควิดเฉลี่ยทั่วโลกประมาณ 1.5%

วัคซีน 3

จึงพอจะสรุปได้ว่าโอกาสเสียชีวิตจากโควิด สูงกว่าเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนประมาณ 600 เท่า

2. สำหรับประเทศไทย

  • ถึงวันนี้คนไทยฉีดวัคซีนไปแล้วเกิน 56 ล้านคน ประมาณ 55 ล้านกว่าคนที่ฉีดไปแล้วไม่มีปัญหาอะไร แต่ไม่เคยเป็นข่าวเพราะถือเป็นเรื่องธรรมดา เป็นข่าวที่ขายไม่ได้
  • แต่มีบางคนที่ฉีดแล้วเกิดผลข้างเคียง ซึ่งก็มีทั้งไม่รุนแรง ปานกลาง จนถึงรุนแรงมาก (ประมาณ 1 ในล้านคนที่ฉีด) แต่เป็นข่าวที่ขายได้เพราะคนสนใจข่าวร้ายมากกว่าข่าวดี ยิ่งฝั่งตรงข้ามยิ่งชอบเพราะจะได้โจมตีภาครัฐให้หนำใจ ใครเดือดร้อนตรูไม่แคร์

3. ปัญหาคือ ข่าวของคนส่วนน้อยที่เกิดผลข้างเคียง ดังกว่าข่าวของคนส่วนใหญ่ที่ไม่มีปัญหาหลายเท่า ทำให้หลายคน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัวเรื้อรัง เกิดลังเลใจ และไม่ยอมไปฉีดวัคซีน

แต่พอพลาดพลั้งติดเชื้อแล้วเกิดอาการรุนแรง หรือเสียชีวิต ก็โทษภาครัฐว่า กระจายวัคซีนไม่ทั่วถึงซะงั้น ทั้ง ๆ ที่คนที่ชอบปล่อยข่าวร้ายจนทำให้คนไม่ยอมไปฉีดวัคซีนนั่นแหละ ที่ควรจะรับผิดชอบในชีวิตที่สูญเสียไปเพราะเชื่อข่าวร้ายมากเกินไป

สำหรับประชาชนต้องฟังข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้าน สุดท้ายแล้วการตัดสินใจไปฉีดวัคซีนหรือไม่เป็นสิทธิส่วนบุคคล ไม่สามารถบังคับได้

สุดท้ายทุกฝ่ายต้องยอมรับความจริง และปล่อยให้เป็นไปตามที่พระท่านว่าไว้ กมฺมุนา วตฺตตีโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo