“หมอธีระ” เผยยอดเสียชีวิตโควิดในประเทศพุ่งติดอันดับต้น ๆ ของโลกต่อเนื่อง ชี้วานนี้สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก ย้ำ! “โอไมครอน” ไม่กระจอก
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า 19 เมษายน 2565 ทะลุ 505 ล้านคนไปแล้ว เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 309,097 คน ตายเพิ่ม 1,220 คน รวมแล้วติดไปรวม 505,019,710 คน เสียชีวิตรวม 6,224,361 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 8 ใน 10 อันดับแรก และ 15 ใน 20 อันดับแรกของโลก
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็น 74.59% ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็น 81.63%
การติดเชื้อใหม่ในทวีปเอเชียนั้นคิดเป็น 47.52% ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็น 40.16%
…สถานการณ์ระบาดของไทย
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 4 ของโลก และอันดับ 3 ของเอเชีย
ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก
ทั้งนี้จำนวนคนเสียชีวิตของไทยเมื่อวานนั้นคิดเป็น 25.3% ของการเสียชีวิตทั้งหมดที่รายงานของทวีปเอเชีย
…การเสียชีวิตของคนไทย
จะพบว่าในช่วงนี้จำนวนการเสียชีวิตรายวันจากโควิด-19 ของไทยติดอันดับต้น ๆ ของโลกมาตลอด
การติดตามสถานการณ์นั้น ตัวเลขรายงานทางการจากโควิด-19 เป็นเพียงข้อมูลประกอบส่วนหนึ่งในการประเมินสถานการณ์
แต่ยังควรดูข้อมูลอื่นประกอบด้วยเพราะทั่วโลกพบว่ามักมีปัญหาเรื่องจำนวนที่รายงานทางการในระบบนั้นต่ำกว่าสถานการณ์จริงด้วยข้อจำกัดต่าง ๆ
ลองเปรียบเทียบดู อัตราการเสียชีวิตส่วนเกินของแต่ละปีจากทุกสาเหตุในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมาจะพบว่า ตั้งแต่ระลอกที่สอง (สายพันธุ์ D614G ช่วงปลายปี 2563 ถึงไตรมาสแรกของ 2564) ระลอกที่สาม (สายพันธุ์อัลฟ่าและเดลต้า ตั้งแต่เมษายนจนถึงราวพฤศจิกายน 2564) และระลอกที่สี่ (สายพันธุ์ Omicron BA.1, BA.2 ตั้งแต่ต้นปี 2565 จนถึงปัจจุบัน) ไทยเรามีอัตราการเสียชีวิตส่วนเกินเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าการระบาด (excess mortality rate) ในระดับสูงกว่าหลายต่อหลายประเทศทั่วโลก
ทั้งนี้ หากดูจำนวนการเสียชีวิตส่วนเกิน (excess mortality) เฉพาะของประเทศไทย เปรียบเทียบในแต่ละเดือนของแต่ละปี ก็ยังพบว่าสถานการณ์ดูจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน โดยในไตรมาสแรกของปี 2022 นี้ ทุกเดือนที่ผ่านมามีจำนวนการเสียชีวิตส่วนเกินสูงกว่าทุกปีที่ผ่านมา
Omicron ไม่ใช่หวัดธรรมดา ไม่กระจอก
ข้อมูลข้างต้นย้ำเตือนให้เราเห็นว่า Omicron นั้นไม่ใช่หวัดธรรมดา และไม่กระจอก แม้จะมีความรุนแรงของโรคน้อยกว่าสายพันธุ์เดลต้าในระลอกสามของปีที่แล้ว แต่การแพร่ระบาดของ Omicron ที่รวดเร็วกว่าเดลต้าอย่างมากนั้นทำให้สุดท้ายแล้วมีจำนวนคนติดเชื้อมากกว่าเดลต้า และทำให้ป่วยและเสียชีวิตจำนวนมากได้เช่นกัน ดังที่เราเห็นในปัจจุบัน
“จะผลักเป็นโรคประจำถิ่นโดยเร็ว จะผลักให้ใช้ชีวิตตามปกติในอดีต หรือจะตีฆ้องร้องป่าว ประชาสัมพันธ์ให้คนมองไวรัสนี้ว่ากระจอก”…เหล่านี้ หากหลงเชื่่อ ก็เหมือนเดินไปตกเหวตายครับ
เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ…ทำในสิ่งที่ควรทำ และใช้ความรู้ที่ถูกต้องนำทางการตัดสินใจ
โควิด…ติด…ไม่ใช่แค่คุณ
โควิด…ไม่ได้จบแค่หายกับตาย แต่ Long COVID จะเป็นปัญหาระยะยาวทั้งสำหรับตัวผู้ป่วย ครอบครัว และประเทศ
ไม่ติดเชื้อย่อมดีที่สุด
ใส่หน้ากากเสมอนะครับ นี่คือหัวใจสำคัญที่สุด เลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง กิจกรรมเสี่ยง และสถานที่เสี่ยง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ตะลึง!! ‘หมอธีระ’ เผยยอดดับโควิดในประเทศพุ่งขึ้นอันดับ 3 ของโลก
- ‘หมอธีระ’ แนะ 5 ข้อต้องทำ!! หลังกลับจากสงกรานต์ ห่วงเด็กติดโอไมครอน ทำเจ็บ-ตายพุ่ง
- ‘หมอธีระ’ เทียบยอดดับโควิด 4 เดือนจาก 9 สู่ 125 ราย สะท้อนความไร้ประสิทธิภาพ!!