COVID-19

สรุปมติ ศบค.ชุดใหญ่ ปรับมาตรการเข้าไทยระยะ 2 พ.ค. ยกเลิกตรวจ RT-PCR

ศบค.ชุดใหญ่ เคาะปรับมาตรการผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร ระยะ 2 ยกเลิกตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทางทั้ง 3 กลุ่มเดือนพฤษภาคม แต่ขอประเมินหลังสงกรานต์อีกรอบ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 6/2565 หรือ ศบค. ชุดใหญ่ โดยที่ประชุมฯ รับทราบร่างการปรับมาตรการผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร ประเภท Test & Go Sandbox และ Quarantine ระยะ 2

ศบค.ชุดใหญ่

สำหรับมติที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ที่สำคัญมีดังนี้

1. รับทราบร่างการปรับมาตรการผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร ประเภท Test & Go Sandbox และ Quarantine ระยะ 2 (พฤษภาคม 2565) ที่มีแผนงาน ประกอบด้วย

  • ปรับหลักฐานที่ต้องใช้ในการลงทะเบียน ระบบ Thailand Pass
  • ยกเลิกตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทางทั้ง 3 กลุ่ม
  • ประกันภัย ผ่อนคลายวงเงินประกัน หรืออื่น ๆ
  • ปรับรูปแบบการตรวจหาเชื้อ เมื่อมาถึง และระหว่างพำนัก โดยกรณี Test & Go ปรับรูปแบบการตรวจหาเชื้อฯ เมื่อเดินทางมาถึง ส่วนกรณี Quarantine ลดระยะเวลากักตัว กรณีผู้ควบคุมยานพาหนะฯ และลูกเรือ ลดระยะเวลากักตัว หรือผ่อนคลายอื่น ๆ
  • กรณีผู้เดินทางติดเชื้อฯ และกรณีเป็นผู้เสี่ยงสูง (HRC) ผู้ติดเชื้อฯ อาการเล็กน้อย (ผู้ป่วยสีเขียว) ผ่อนคลายอื่น ๆ ผู้เสี่ยงสูง (HRC) ยกเลิกการกักตัว หรือผ่อนคลายอื่น ๆ

2. เห็นชอบแผนการจัดหา Long-acting antibody (LAAB) สำหรับกลุ่มเสี่ยงสูงที่ภูมิคุ้มกันต่ำ ที่มีหลักการ ฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (Passive immunity) ในกลุ่มเสี่ยงสูงที่ไม่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ด้วยวัคซีน มีรายละเอียดในเอกสารกำกับยา คือ

  • เป็น Antibody ชนิด long-acting antibody มีส่วนประกอบ 2 ชนิด (150 mg tixagemab co-packaged with 150 mg cilgavimab)
  • ผ่านการรับรองใช้แบบฉุกเฉิน EUA โดย US FDA เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2564
  • ขึ้นทะเบียนยาโดยบริษัท AstraZeneca ประเทศอังกฤษเมื่อเดือนมิถุนายน 2564

ศบค.

สำหรับข้อบ่งใช้ คือ กลุ่มเป้าหมายผู้มีความเสี่ยงสูงที่ภูมิคุ้มกันต่ำ โดยให้ก่อนการสัมผัสโรค สำหรับเชื้อไวรัสโควิด ขนาดการใช้ ฉีดเข้ากล้ามทุก 6 เดือน ภูมิต้านทานสามารถป้องกันโควิด19 ได้ 6 -12 เดือนต่อการให้ 1 ครั้ง ประสิทธิผล 83% ในการลดความเสี่ยงของอาการรุนแรงของโควิด 19 สายพันธุ์โอไมครอน BA.1 BA.2 และ BA.1.1

ด้านกระบวนการจัดหา หารืออัยการสูงสูงสุดแนะนำให้ปรับสัญญากับบริษัท AstraZeneca โดยเปลี่ยนจากวัคซีน AstraZeneca บางส่วน โดยอยู่ในกรอบวงเงินงบประมาณเดิมที่ ครม. อนุมัติแล้วและไม่ต้องเสียงบประมาณเพิ่ม (ข้อมูล ณ 8 เมษายน 2565)

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อที่ประชุมว่า ต่างประเทศชื่นชมการดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ของไทยที่ผ่านมา พบว่าสัดส่วนผู้ที่เดินทางเข้ามาติดเชื้อน้อย และหลังจากที่ผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศ มีการเดินทางเข้าใหม่มากขึ้น โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มบุคลากรในการปฏิบัติงาน เพื่ออำนวยความสะดวกและประสิทธิภาพการบริการด้วย

ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนที่ถึงแม้จะมีอาการไม่รุนแรง แต่ก็มีอัตราการติดเชื้อที่สูง ติดเชื้อได้ไว และหากการควบคุมทำได้ไม่ดีพอ จะส่งผลต่อจำนวนผู้ติดเชื้อที่มีอาการหนัก และจำนวนผู้เสียชีวิตที่จะเพิ่มจำนวนมากขึ้น

จากสัปดาห์ที่ผ่านมาที่อัตราผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น ขอให้พิจารณาให้ผู้ป่วยกลุ่ม 608 และเด็ก สามารถเข้ารับการรักษาในระบบ UCEP Plus ในสถานพยาบาลได้ โดยไม่ต้องรอรักษาตามอาการ และขอให้ ศปก.สธ. ศปก.ศบค. และศปม. ช่วยกันระดมสรรพกำลังบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เตียง ยา และเวชภัณฑ์ ให้มีเพียงพอต่อการดูแลผู้ติดเชื้อทั้งในขณะนี้และช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์

LINE ALBUM สงกรานต์ 20212022 ๒๒๐๔๐๘ 0

นอกจากนี้ ขอให้เพิ่มจำนวนคู่สายของสายด่วน 1330 เพิ่มช่องทางติดต่ออื่น ๆ และเตรียมความพร้อมของระบบให้รองรับความต้องการในปริมาณมากได้ รวมถึงจัดกำลังเจ้าหน้าที่หรืออาสาสมัครให้เพียงพอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับเรื่องเข้าระบบและให้ผู้ติดเชื้อเข้าถึงการรักษาพยาบาลรวดเร็วที่สุด

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน คงจะยังไม่จบง่าย ๆ และ องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับโอมิครอนสายพันธุ์ลูกผสม XE ที่สามารถแพร่เชื้อติดต่อได้ง่ายและเร็วกว่าทุกสายพันธุ์

ในเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งจะเกิดได้จากการเดินทางกลับบ้าน แล้วมีการพบปะสังสรรค์กันจำนวนมาก จึงอาจส่งผลให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น มีผู้ป่วยอาการหนัก และผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น รวมถึงผู้ที่เคยป่วยโควิดแล้วก็อาจจะติดเชื้อซ้ำได้อีก ถึงแม้ว่าจะฉีดวัคซีนมาแล้วก็ตาม ถ้าหากไม่ระวังตัวเอง

ดังนั้น ขอให้ ศปก.สธ. เพิ่มประสิทธิภาพของระบบการติดตามการกลายพันธุ์ของเชื้อในประเทศไทย เพื่อเตรียมการรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรี ย้ำให้เร่งให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับภาวะหลังติดเชื้อโควิด-19 (Long COVID)โดยขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันกำกับติดตาม เฝ้าระวัง และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 รวมถึงเตรียมแผนรับมือกับภาวะหลังติดเชื้อโควิด-19 เพื่อดูแลผู้ป่วยที่อาจประสบปัญหา Long COVID

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo