กรมอนามัย ห่วงหญิงตั้งครรรภ์ ติดโควิด-19 สูงขึ้น เผยติดเชื้อโควิดสะสม 7,210 ราย ผลโพล พบ 98% กังวลโอไมครอน
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดี กรมอนามัย กล่าวว่า จากข้อมูลการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ หญิงหลังคลอด 6 สัปดาห์ และทารกแรกเกิด ตั้งแต่ 1 เมษายน 2564 ถึง 5 มีนาคม 2565 พบหญิงตั้งครรภ์ หญิงหลังคลอด 6 สัปดาห์ ติดเชื้อโควิดสะสมจำนวน 7,210 ราย ในจำนวนนี้มีเสียชีวิต 110 ราย คิดเป็น 1.5%
ขณะที่มีทารกแรกเกิดที่คลอดจากหญิงกลุ่มนี้ มีจำนวน 4,013 ราย พบทารกแรกเกิดติดเชื้อโควิด 319 ราย คิดเป็น 8% เสียชีวิต 67 ราย คิดเป็น 1.6%
ทั้งนี้พบว่า แนวโน้มการติดเชื้อของกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ และหญิงหลังคลอด 6 สัปดาห์ มีแนวโน้มที่เริ่มสูงขึ้น สอดคล้องกับการระบาดระลอกใหม่ของสายพันธุ์โอไมครอน
สำหรับข้อมูล 4 สัปดาห์ย้อนหลัง ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 6-12 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นมา จะพบการติดเชื้อของหญิงกลุ่มนี้รายสัปดาห์ที่ 59 คน 71 คน 157 คน และ 224 คน ตามลำดับ แสดงให้เห็นถึงอัตราการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ดังนั้น หญิงตั้งครรภ์ และหญิงหลังคลอด 6 สัปดาห์ จึงต้องเฝ้าระวังกันอย่างเข้มข้น เพื่อลดอัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตให้น้อยลง
จากข้อมูลผลการสำรวจอนามัยโพล ต่อประเด็นความกังวลของหญิงตั้งครรภ์ในสถานการณ์โควิด-19 พบว่า ภาพรวม 98% มีความกังวลต่อสถานการณ์ โดยมีความรู้สึกกังวล ตั้งแต่ระดับปานกลางขึ้นไป ถึง 70%
ส่วนเรื่องที่ทำให้กลุ่มหญิงตั้งครรภ์เหล่านี้ รู้สึกกังวลมากที่สุดคือ การระบาดของโรคโควิดสายพันธุ์โอไมครอน รองลงมาคือ สังคมการ์ดตกในการดูแลป้องกัน และกังวลว่าสถานที่ต่าง ๆ ไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด
ในส่วนของการเฝ้าระวังความเสี่ยงตนเองของกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ผลสำรวจอนามัยโพล พบว่า กว่า 80% มีการเฝ้าระวังความเสี่ยงของตนเองเป็นประจำ
สิ่งที่ทำได้มากที่สุดคือ สังเกตอาการตนเองเบื้องต้น พบถึง 82% รองลงมาคือ หากพบว่าตนเองเสี่ยง จะตรวจด้วย ATK มีการตรวจวัดอุณหภูมิตนเอง ประเมินตนเองผ่าน ไทยเซฟไทย หรือการใช้แอปพลิเคชันอื่น ๆ
การป้องกันโรคโควิด-19 ด้วยการฉีดวัคซีน เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ เพื่อสร้างความปลอดภัย ซึ่งในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ หญิงหลังคลอด 6 สัปดาห์ ที่ติดเชื้อโควิด จำนวน 7,210 ราย พบว่า กว่าร้อยละ 87 ไม่ได้รับวัคซีน แต่หากได้รับวัคซีน 2 เข็ม จะมีอัตราตายที่ลดลงเกือบ 10 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน
ขณะที่ข้อมูลข้อมูลการฉีดวัคซีนของหญิงตั้งครรภ์ในภาพรวมล่าสุด พบได้รับการฉีดอย่างน้อย 1 เข็มแล้ว จำนวน 117,385 คน ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงได้เร่งฉีดวัคซีนโควิดเชิงรุกแก่หญิงตั้งครรภ์ ตามคำแนะนำของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
ในการฉีดวัคซีนนั้น หญิงตั้งครรภ์รับการฉีดวัคซีนได้ทุกอายุครรภ์ และสามารถให้พร้อมกับวัคซีนอื่น ๆ ที่จำเป็นในขณะตั้งครรภ์ได้ ส่วนหญิงที่มาคลอด และยังไม่เคยได้รับวัคซีน ให้ฉีดวัคซีนโควิดก่อนกลับบ้าน ในกรณีที่ยังไม่สมัครใจฉีด ก็ขอให้ฉีดบุคคลในครอบครัวให้ครบตามเกณฑ์ก่อน
ด้าน นายแพทย์เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การดูแลหญิงตั้งครรภ์ในกรณีติดเชื้อ หากไม่มีโรคประจำตัว หรือภาวะครรภ์เสี่ยงสูง สามารถแยกกักตัวที่บ้านได้ แต่ให้งดเยี่ยมระหว่างแยกกักตัว
อาการที่ควรเฝ้าระวังในหญิงตั้งครรรภ์ ติดโควิด
1. ท้องแข็งบ่อย เลือดออกทางช่องคลอด น้ำใส ๆ ไหลออกทางช่องคลอด
2. อาการของครรภ์เป็นพิษ เช่น ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว จุกแน่นลิ้นปี่
นอกจากนี้ อาการที่ควรแจ้งแพทย์ และเข้ารับการรักษาทันที คือ กลุ่มผู้ป่วยสีแดงที่มีอาการรุนแรง ต้องรีบเข้ารับการรักษาตัวโดยเร็ว ซึ่งมีอาการดังนี้
1. ระบบหายใจมีปัญหารุนแรง ทำให้หายใจลำบาก หอบเหนื่อย หากเอกซเรย์จะพบปอดอักเสบรุนแรง
2. เกิดภาวะปอดบวมจากการเปลี่ยนแปลง ความอิ่มตัวของเลือดน้อยกว่า 96% หรือลดลง 3% จากค่าที่วัดได้ในตอนแรก
3. แน่นหน้าอกตลอดเวลา และหายใจเจ็บหน้าอก ตอบสนองช้า หรือไม่รู้สึกตัว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ครม. เคาะชัด ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ โรคโควิด-19 รพ.ต้องรับรักษาไม่มีเงื่อนไข
- เกาะติด ‘ลองโควิด’ อิตาลี พบผู้ติดเชื้อหายป่วย 53% มีปัญหาเรื่องความจำ
- วิจัยชี้ ‘ทารก’ มีโอกาสเข้าโรงพยาบาลจาก ‘โควิด’ น้อยลง หากแม่ฉีดวัคซีนตอนตั้งครรภ์