COVID-19

‘โอไมครอน BA.2’ โควิดสายพันธุ์ใหม่ จ่อครองโลก

การระบาดใหญ่ระลอกล่าสุดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้หลายประเทศทั่วโลก มองเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน พุ่งทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง ทั้งที่สถานการณ์ดูท่าว่าจะดีขึ้นนั้น ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการระบาดของสายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน BA.2 “

สายพันธุ์ใหม่นี้ กลายพันธุ์มาจาก “โอไมครอน ” ที่กลายพันธุ์มาแล้วครั้งหนึ่ง โดย BA.2 ยังถูกเรียกขานว่าเป็น “สายพันธุ์ล่องหน” จึงทำให้เกิดความสงสัยว่า จะทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาด รุนแรงเพิ่มขึ้นมากน้อยเท่าใด

shutterstock 2111850476

โอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม หรือ BA.1 เป็นสายพันธุ์หลักในหลายประเทศ ส่วน BA.2 มีตำแหน่งกลายพันธุ์เหมือน BA.1 ใน 32 จุด แตกต่างพัน 28 จุด ปัจจุบันมีรายงานพบใน 57 ประเทศ รวมถึง ไทย ที่พบครั้งแรกในเดือนมกราคม 2565 โดยล่าสุด เริ่มพบการระบาดเข้าไปแทนที่สายพันธุ์หลักแล้วในบางประเทศ เช่น เดนมาร์ก อินเดีย และสวีเดน

สายพันธุ์ BA.2 อาจกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า เพราะสามารถแพร่กระจายได้ดีกว่าสายพันธุ์ BA.1 ซึ่งมีรายงานผลการศึกษาในประเทศเดนมาร์ก พบว่า สายพันธุ์ BA.2 สามารถติดต่อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์ BA.1

ทำไม โอไมครอน BA.2 ถึงเป็นสายพันธุ์ล่องหน

เชื้อโอไมครอน BA.2 เป็นเชื้อที่มีความแตกต่างจากสายพันธุ์มาตฐาน (BA.1) โดยนักวิจัยได้พบเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ BA.2 จำนวน 7 เคสในแอฟริกาใต้ ออสเตรเลีย และแคนาดา

สาเหตุที่ต้องเรียกสายพันธุ์นี้ว่า โอไมครอนสายพันธุ์ล่องหน (Stealth Omicron) เพราะเป็นสายพันธุ์ที่สามารถหลบหลีกการตรวจหาเชื้อโควิด RT-PCR ได้ หรือพูดง่าย ๆ คือ แม้จะตรวจโควิดแล้วพบว่าติดเชื้อ แต่ก็ตรวจสอบไม่ได้ว่า เชื้อตัวนี้ เป็นสายพันธุ์โอไมครอนหรือไม่

แตกต่างจากโอไมครอน สายพันธุ์หลัก ที่มีลักษณะเด่นของการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมในโปรตีนหนามสไปค์ S-gene หรือ “S-gene dropout” ที่ปกติแล้วจะสามารถตรวจจับได้ด้วย RT-PCR เพื่อยืนยันได้ว่า ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนจริง ๆ

แต่สำหรับ BA.2 แล้ว ส่วนสำคัญนี้กลับหายไป หรือตรวจไม่พบยีนหนามอย่างที่ควรจะเป็น และแม้จะใช้การตรวจโควิดแบบ RT-PCR ก็ตาม ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนหรือไม่ ทำให้ผู้ตรวจอาจวินิจฉัยได้ว่า การติดเชื้อในครั้งนี้ อาจเป็นสายพันธุ์เบตา หรือเดลตาแทน ซึ่งก็เท่ากับว่าโอไมครอน BA.2 พยายามจะปลอมตัวเป็นสายพันธุ์อื่นทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่

โอไมครอน BA.2

BA.2 กระจายตัวเร็วกว่าสายพันธุ์มาตรฐาน BA.1

อีกแนวโน้มที่สำคัญคือ BA.2 อาจมีการกระจายตัว และการติดเชื้อได้ไวกว่า BA.1  เห็นได้จากในหลาย ๆ ประเทศ ที่พบว่าขณะนี้การติดเชื้อไวรัสโควิด สายพันธ์โอไมครอน BA.1 เริ่มลดน้อยลง ในขณะที่ BA.2 กลับเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ดี เหล่านักวิจัย กล่าวว่า ยังเป็นเรื่องที่เร็วเกินไปหากจะระบุให้แน่ชัดว่าสายพันธุ์ย่อยใหม่ของโอไมครอนนี้ จะแพร่กระจายในลักษณะเดียวกันกับโอไมครอนสายพันธุ์มาตรฐานหรือไม่ บอกได้เพียงว่า มีความแตกต่างทางพันธุกรรมในบางจุด ที่อาจส่งผลต่อวิธีการทำงาน หรือวิธีแพร่เชื้อ

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ ไวรัส 2 สายพันธุ์นี้ BA.1 และ BA.2 อาจไม่แตกต่างกันมากนัก แต่หากเมื่อไหร่ที่ BA.2 วิ่งได้ไวกว่า BA.1 ก็จะยิ่งเสริมให้นักวิจัยสามารถเปรียบเทียบความแตกต่างได้ง่ายขึ้น

กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ บอกด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และแม้ว่าในตอนนี้จะยังนับ BA.2 ว่าเป็นสายพันธุ์โอไมครอน แต่ด้วยความแตกต่างที่มีมากอย่างเห็นได้ชัด ในอนาคต BA.2 อาจกลายเป็น “สายพันธุ์ที่น่ากังวลตัวใหม่” ฃ ก็ได้ หากพบว่าศักยภาพในการแพร่กระจายและความรุนแรงของเชื้อมีมากขึ้นกว่าสายพันธุ์เดิม

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo