COVID-19

ผู้ปกครองต้องรู้!! ข้อปฏิบัติตัว หลังพาบุตรหลานไปฉีดวัคซีนไฟเซอร์สูตรเด็ก

กรมควบคุมโรค แนะผู้ปกครอง หลังพาบุตรหลานไปฉีดวัคซีนไฟเซอร์สูตรเด็ก สังเกตอาการหลังฉีด 30 นาที งดออกกำลังกายและงดทำกิจกรรมใช้แรงหนักอย่างน้อย 7 วัน

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดี กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์สูตรเด็ก หากเด็กมีอาการป่วย มีไข้ ร่างกายอ่อนเพลีย ควรรักษาอาการให้หายจนกว่าจะเป็นปกติ

วัคซีนไฟเซอร์สูตรเด็ก

สำหรับเด็กที่มีโรคประจำตัวรุนแรง อาการยังไม่คงที่ อาจมีอันตรายถึงชีวิตควรเข้ารับการประเมินอาการจากแพทย์ประจำตัวก่อนเข้ารับการฉีด

ส่วนอาการที่พบได้หลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์ คือ ปวด บวม แดง เฉพาะที่ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เป็นไข้ จึงจำเป็นต้องสังเกตอาการหลังการฉีดอย่างน้อย 30 นาที ในสถานที่ฉีดวัคซีนด้วยเสมอ และอาการดังกล่าว สามารถหายได้เองเมื่อรับประทานยาลดไข้และพักผ่อนให้เพียงพอ หลังฉีดวัคซีน 1 สัปดาห์

นอกจากนี้ ผู้ปกครองควรดูแลไม่ให้บุตรหลานออกกำลังกาย ปีนป่าย ว่ายน้ำ หรือกิจกรรมที่ใช้แรงมาก เป็นระยะเวลา 7 วัน เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนหากเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

หากเกิดอาการรุนแรงหลังรับวัคซีน ได้แก่ เจ็บหน้าอก หายใจเร็ว เหนื่อยง่าย ใจสั่น ไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส ปวดหัวรุนแรง อาเจียนทานอาหารไม่ได้หรือซึมไม่รู้สึกตัว ควรพบแพทย์ทันที หรือโทร 1669 เพื่อรับบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน

ในแต่ละพื้นที่ได้เตรียมความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์และกุมารแพทย์ในการตรวจวินิจฉัย รักษาและการติดตามผลข้างเคียงหลังการฉีดวัคซีน จึงขอให้ผู้ปกครองมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัย

โอภาส
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์

ทั้งนี้ วัคซีนไฟเซอร์สูตรสำหรับเด็ก (Pediatric formulation dose) บรรจุในขวดแก้ว ฝาขวดและฉลากสีส้ม ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.

ขณะที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่สอง ในทวีปเอเชียถัดจากสิงคโปร์ที่ได้รับการส่งมอบวัคซีนสูตรสำหรับเด็กนี้ โดยล็อตแรกเข้าถึงประเทศไทยในวันที่ 26 มกราคม 2565 และได้ทยอยจัดส่งอย่างต่อเนื่อง สัปดาห์ละประมาณ 3 แสนโดส

กลุ่มเป้าหมาย คือ ใช้ในเด็กอายุตั้งแต่ 5-11 ปี โดยมีแผนการจัดสรร คือ

1. บริการฉีดในสถานพยาบาล สำหรับเด็กที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค คือ

  • โรคอ้วน
  • โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง รวมทั้งโรคหืดหอบ
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง
  • โรคไตวายเรื้อรัง
  • โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
  • โรคเบาหวาน
  • กลุ่มโรคพันธุกรรมรวมทั้งกลุ่มอาการดาวน์ เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางระบบประสาทอย่างรุนแรง และเด็กที่มีพัฒนาการช้า รวมทั้งกลุ่มเด็กที่เรียนในระบบโฮมสคูล และกลุ่มที่อยู่นอกระบบการศึกษา

2. การให้บริการฉีดในโรงเรียน สำหรับนักเรียนปฐมวัย และชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 โดยเริ่มบริการฉีดในนักเรียน ชั้นประถมศึกษาชั้นปีที่ 6 ก่อน และชั้นปีอื่นถัดลงไปตามลำดับ

สำหรับปริมาณการฉีด คือ 0.2 มิลลิลิตร หรือ 10 ไมโครกรัม วัคซีน 1 ขวดเมื่อเจือจางด้วยสารละลายโซเดียมคลอไรด์ 0.9% ก่อนใช้ สามารถฉีดได้ 10 โดส เว้นระยะเวลาการฉีดห่างกัน 3-12 สัปดาห์

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo