เปิดลงทะเบียน “เทสต์ แอนด์ โก” รอบใหม่ พรุ่งนี้ ศบค. คุมเข้มตรวจ RT-PCR 2 ครั้ง ขอความร่วมมืออยู่ในที่พัก จนกว่าจะทราบผลตรวจ หากไม่ปฏิบัติตามดำเนินคดีทันที
วันนี้ (31 ม.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (1 ก.พ.) ศบค.อนุมัติให้เปิดรับผู้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ในรูปแบบเทสต์ แอนด์ โก (Test and Go) อีกครั้ง โดยให้เดินทางเข้ามาได้ทุกประเทศ
นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า การเปิดลงทะเบียนรอบนี้ มีการปรับปรุงจากรอบที่แล้ว โดยจะปรับการตรวจหาเชื้อโควิด ด้วยการใช้วิธี RT-PCR 2 ครั้ง ตั้งแต่วันแรกที่เดินทางเข้ามา และตรวจอีกครั้งในวันที่ 5 ต้องมีหลักฐานการจองโรงแรมที่พักในวันแรก และวันที่ 5 ซึ่งต้องเป็นโรงแรม ที่มีโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการ รวมถึงมีหลักฐานการชำระเงินการตรวจเชื้อ 2 ครั้ง
นอกจากนี้ จะมีการจัดระบบการตรวจสอบ และกำกับการเข้าที่พัก โดยต้องอยู่รอในที่พัก หรือสถานที่ที่กำหนดจนได้รับผลตรวจ ที่สำคัญระบบประกัน ที่ก่อนหน้านี้เคยเจอว่าติดเชื้อหลังจากสิ้นสุดระยะประกันไปแล้ว ทำให้ประกันไม่จ่ายนั้น ครั้งนี้จะปรับให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น กำหนดระบบประกันที่ชัดเจน กรณีประกันไม่ครอบคลุม ผู้เดินทางจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของการกักตัว และกรณีที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงเอง
กรณีเกิดการระบาดมากขึ้น หรือสถานการณ์เปลี่ยนแปลง จะมีการพิจารณาการรับผู้เดินทาง แล้วปรับมาใช้ระบบแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งยังคงระบบแซนด์บ็อกซ์ไว้เพื่อเป็นระบบสำรอง กรณีที่หากต้องมีการระงับระบบ เทสต์แอนด์โกอีกครั้ง
นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยด้วยว่า ที่ประชุมมีการคุยกันว่า ครั้งนี้ต้องร่วมมือกันทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ในการช่วยกันดำเนินงานเทสต์ แอนด์ โก รอบใหม่ ให้ประสบความสำเร็จ เพราะอยากให้นักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างถูกต้อง
ข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) รายงานในห้องประชุมว่า ช่วงเดือน มกราคม มีผู้ฝ่าฝืนข้อกำหนดถึง 22 ราย ส่วนใหญ่คือตามตัวไม่พบหลังผลตรวจ RT-PCR เป็นบวก เช่น อาจจะไม่อยู่ในโรงแรมเดิมแล้ว ตรงนี้มีความสำคัญว่า ขอตรวจเพิ่มในวันที่ 5 จึงต้องขอความร่วมมือว่า ขอให้อยู่ที่โรงแรมในวันที่ 5 ด้วย และรอผลการตรวจออกมาก่อน ถ้าผลตรวจติดเชื้อจะได้เข้าสู่ระบบรักษา
ตรงนี้จะเป็นการขอความร่วมมือก่อน แต่ถ้าไม่ปฏิบัติตาม ก็จะต้องดำเนินคดีตามฎหมายอย่างเต็มที่ คือมาตรา 51 ของ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 51 ข้อหาความผิดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามมาตรา 34 (6) ที่สั่งห้ามผู้ใดกระทำการ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ โดยการไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ซึ่งอาจเป็นเหตุให้เกิดโรคโควิด-19 แพร่ออกไป
อัตราค่าปรับ ครั้งที่ 1 ไม่เกิน 1,000 บาท ครั้งที่ 2 มากกว่า 1,000 บาทแต่ไม่เกิน 10,000 บาท ครั้งที่ 3 เป็นต้นไปมากกว่า 10,000 บาทแต่ไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งในต่างประเทศเองก็มีการบังคับใช้กฎหมายเช่นนี้เหมือนกัน และบางประเทศมีอัตราโทษสูงกว่าประเทศไทยด้วย นี่คือสิ่งที่ประเทศสากลทำกัน ต้องขอความร่วมมือจากนักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการดูแลอย่างใกล้ชิด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘นายกฯ’ ยันพร้อมเปิดลงทะเบียน Test&Go พรุ่งนี้ กำชับต้องเข้มแข็งรัดกุม!
- ‘บิ๊กตู่’ พอใจจัดการ ‘โอไมครอน’ ได้ดี ชี้การแพร่ระบาดทรงตัว ยอดผู้เสียชีวิตต่ำ
- โอไมครอนล่าสุด แค่ทรงตัว ไม่ใช่ขาลง ‘หมอเฉลิมชัย’ เตือน BA.2 เพิ่มโอกาสติดเชื้อซ้ำ