“หมอขวัญชัย” เผยทั่วโลกเริ่มปรับตัวอยู่ร่วมกับโควิด หลังโอไมครอนระบาดเพิ่มมากขึ้น แนะทะยอยยกเลิกมาตรการไม่จำเป็น เน้นเร่งฉีดวัคซีน มาตรการป้องกันตัวเองส่วนบุคคล
ศ.นพ.ขวัญชัย ศุภรัตน์ภิญโญ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Khuanchai Supparatpinyo ชี้ทั่วโลกเริ่มมีแนวคิดในการปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับโควิด หลังการระบาดของโอไมครอนมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยระบุว่า
ภายหลังการระบาดของโอไมครอนไปทั่วโลกเพียง 2 เดือนเศษ มีข้อมูลที่ค่อย ๆ เปิดเผยออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ ว่า โอไมครอนแม้ว่าจะแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว และสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการฉีดวัคซีนได้ดี
แต่กลับมีความสามารถในการก่อโรครุนแรงน้อยลงกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้อย่างทั่วถึง ทำให้แนวคิดในการต่อสู้กับการระบาดของโควิด เปลี่ยนจากความพยายามในการกำจัดเชื้อให้หมดไปจากโลกโดยอาศัยภูมิคุ้มกันหมู่ กลายมาเป็นการปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับโควิดแทน
สหราชอาณาจักร เป็นประเทศแรกที่ประกาศยกเลิกมาตรการภาครัฐ ในการป้องกันการระบาดของโควิด ทั้ง ๆ ที่กำลังเผชิญหน้ากับการระบาดของโอไมครอนเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
โดยนับแต่นี้ไปประชาชนไม่ต้องแสดง COVID pass และไม่ต้องสวมหน้ากากเมื่อเข้าไปในสถานที่ต่าง ๆ (ยกเว้นการใช้ขนส่งมวลชน)
และในขณะนี้หลายประเทศในทวีปยุโรป เช่น เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก ฝรั่งเศส ต่างก็เริ่มทะยอยผ่อนคลายมาตรการป้องกันการระบาดของโควิดเช่นเดียวกัน
สำหรับประเทศไทย การเตรียมประกาศให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่น ก็ถือเป็นการสนับสนุนแนวคิดการอยู่กับโควิดอย่างปลอดภัยเช่นเดียวกัน เพียงแต่ค่อนข้างระมัดระวัง และทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ยังไม่กล้าบุ่มบ่ามเหมือนหลายประเทศ ที่ออกตัวนำหน้าไปก่อนแล้ว
ลองดูเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข ในการประกาศให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่น ได้แก่
1. มีผู้ติดเชื้อใหม่ไม่เกิน 10,000 รายต่อวัน
2. อัตราการป่วยตายต่ำกว่า 0.1%
3. การเข้ารับการรักษาในรพ.ต่ำกว่า 10%
4. อ้ตราครองเตียงผู้ป่วยอาการรุนแรงต่ำกว่า 25%
5. คนไทยที่มีความเสี่ยงได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มเกิน 80%
ก็ดูเป็นหลักเป็นการพอสมควร แต่กว่าจะครบตามเกณฑ์ดังกล่าว อาจต้องใช้เวลานานหลายเดือน และต้องรอให้ครบตามเกณฑ์ไประยะเวลาหนึ่ง จึงจะเสนอเรื่องต่อ ศบค. เพื่อประกาศเป็นโรคประจำถิ่น และปรับลด/ยกเลิกมาตรการในการป้องกันการระบาดต่าง ๆ
ความเห็นส่วนตัวคือ มาตรการบางอย่าง น่าจะสามารถทะยอยยกเลิกได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอจนครบตามเกณฑ์ทุกข้อ เราลองมาช่วยกันคิดว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไรดี
1. บางคนสุดโต่งแนะนำให้หยุดฉีดวัคซีนไปเลย แล้วใช้โอมิครอนเป็นวัคซีนเชื้อเป็นแทน ข้อสรุปปัจจุบันนี้น่าจะยังต้องฉีดวัคซีนต่อไปก่อน เพราะการติดเชื้อโอมิครอนแม้จะรุนแรงน้อยลงแต่ก็ยังมีผู้ป่วยอาการหนักหรือเสียชีวิตพอสมควร โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เคยฉีดวัคซีนมาก่อนและผู้ที่มีโรคเรื้อรัง
2. บางคนเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการควบคุมโรคโดยภาครัฐให้หมดเลย เพื่อให้ธุรกิจได้เดินหน้าไปโดยไม่ต้องมีการจำกัด ปล่อยให้ทุกคนเดินทางไปในทุกที่โดยไม่มีข้อแม้
ถ้าเลือกแบบนี้ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงที่อาจจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากจนอาจเป็นหลายแสนรายต่อวัน ซึ่งก็มีความเป็นได้ที่จะเกินศักยภาพในการดูแลรักษาของประเทศ และอาจส่งผลให้มีผู้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิตเพิ่มขึ้น
3. ภาคธุรกิจต่างเรียกร้องให้ภาครัฐเลิกปิดสถานประกอบการที่มีรายงานผู้ติดเชื้อเสียที เพราะส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจทั้งในส่วนของสถานประกอบการเองและภาพรวมของประเทศ รวมทั้งภาคธุรกิจไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยสะดวกถ้ามีการสะดุดโดยไม่มีเหตุอันควร
ที่สำคัญคือไม่มีการชดเชยจากภาครัฐเนื่องจากการปิดกิจการดังกล่าวแม้แต่น้อย
4. บางคนเสนอให้ยกเลิกการป้องกันการติดเชื้อส่วนบุคคลเหมือนสหราชอาณาจักรไปเลย ปล่อยให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตกันอย่างอิสระเต็มที่ ซึ่งก็มีความเป็นไปได้เช่นเดียวกันที่จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
5. หลายคนเสนอให้ยกเลิกการนับจำนวนผู้ติดเชื้อโดยเฉพาะอย่างยิ่งรายที่ไม่มีอาการหรือไม่ต้องเข้ารักษาตัวในรพ. นับเฉพาะที่มีอาการรุนแรงหรือทำให้เสียชีวิตก็พอ
6. ยกเลิกการตรวจเชิงรุกในคนที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย ให้ตรวจเฉพาะผู้ที่มีอาการรุนแรงเท่านั้น
7. ยกเลิกการตรวจยืนยันด้วย RT-PCR และให้ตรวจเฉพาะ ATK เท่านั้น
8. ยกเลิกการรายงานสถานการณ์การระบาดประจำวัน ใครสนใจก็ติดตามเอาเองในเว็บไซต์หรือเฟสบุ๊ค
ฯลฯ
ทุกคนมีสิทธิ์คิดและแสดงความเห็น ทุกเรื่องมีข้อดีข้อเสียและมีความเสี่ยง แต่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้อาจไม่ได้เกิดขึ้นทั้งหมดและคงไม่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันภายในวันเดียว แต่อย่างน้อยเราควรเริ่มคิดและวางแผนดำเนินการตามความเร่งด่วนและตามความเหมาะสม
ทางสายกลางคือ การทะยอยยกเลิกมาตรการต่าง ๆ ที่มากเกินความจำเป็น จนเหลือเพียง 2 มาตรการหลักที่สำคัญที่สุดคือ การเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยง และการป้องกันการติดเชื้อส่วนบุคคล หากสถานการณ์ยังดีขึ้นต่อไปจึงค่อยยกเลิกมาตรการทั้งหมดในที่สุด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอขวัญชัย’ ชวนทำใจ ผู้ติดเชื้อพุ่งอีกหลายเท่า หวังโอไมครอนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่
- โอไมครอน จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นหรือไม่ เมื่อไร ‘หมอขวัญชัย’ ตอบชัด
- โอไมครอนระบาดแล้ว!! ‘หมอขวัญชัย’ แนะรัฐ พิจารณา 5 ประเด็นต่อไปนี้