“โฆษกรัฐบาล” เผย “นายกรัฐมนตรี” พอใจสถานการณ์ติดเชื้อโควิดในประเทศทรงตัว ชี้เป็นสัญญาณดีมีแนวโน้มลดลง อาจพิจารณาสถานการณ์อีกครั้งในที่ประชุม ศบค. พรุ่งนี้
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พอใจสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ทรงตัว เป็นสัญญาณที่ดีว่าอาจมีแนวโน้มลดลง ย้ำเชื้อโอไมครอนสามารถติดได้รวดเร็ว ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ยืนยันระบบสาธารณสุขมีความพร้อมและเพียงพอต่อการรักษาแน่นอน โดยผู้มีอาการน้อยให้เน้นรักษาด้วย Home Isolation และ Community Isolation ก่อน
สถานการณ์โควิดในประเทศล่าสุด
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สถานการณ์การติดเชื้อในวันนี้ พบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 7,122 ราย จำแนกเป็น
- ผู้ติดเชื้อในประเทศ 6,950 ราย
- ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 172 ราย
- ผู้เสียชีวิต 12 ราย
- ผู้ที่กำลังรักษาตัว 81,602 ราย
- หายป่วยกลับบ้านแล้ว 7,460 ราย
- ผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 จำนวน 121,498 ราย
- ผู้ที่หายป่วยสะสมจำนวน 72,869 ราย
สถิติการฉีดวัคซีน
ขณะที่รายงานภาพรวมการฉีดวัคซีนโควิด-19 สรุปจำนวนผู้ที่ได้รับได้รับวัคซีนสะสม ตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์-17 มกราคม 2565 รวม 110,663,601 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็นผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 สะสม 51,831,768 ราย ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 สะสม 47,676,337 ราย ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 สะสม 10,507,085 ราย และผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 4 สะสม 648,393 ราย
“นายกรัฐมนตรีสนับสนุนข้อเสนอต่าง ๆ ที่ให้ประชาชนจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขมากที่สุด ภายหลังประเมินแล้วเห็นว่าสถานการณ์มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยรัฐบาลจะทำการประเมินสถานการณ์อีกครั้งในการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ในวันที่ 20 ม.ค. นี้ ซึ่งเป็นการประเมินในรอบ 20 วัน ภายหลังเทศกาลปีใหม่ เพื่อปรับหามาตรการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ ย้ำขอความร่วมมือประชาชนป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด เพื่อนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ที่อาจพิจารณาได้เร็วขึ้น” นายธนกร กล่าว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- โควิดวันนี้ 19 ม.ค. ทั่วโลกติดเชื้อ 335.25 ล้านคน ‘อนามัยโลก’ เตือน ‘โอไมครอน’ ไม่ใช่สายพันธุ์สุดท้าย
- ‘พี่โทนี่’ ติดโควิดรอบสอง! สายพันธุ์โอไมครอน ทั้งที่ฉีดวัคซีนแล้ว 4 เข็ม
- โควิดวันนี้พุ่งอีก!! ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 7,122 ราย เสียชีวิตอีก 12 ราย