“หมอเฉลิมชัย” เปิดผลงานวิจัยฉีดวัคซีนกระตุ้นเช็ม 3 พบฉีดวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็มแรกหลังเชื้อตาย 2 เข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ ไม่แพ้กระตุ้นด้วย mRNA
นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Chalermchai Boonyaleepun เผยชัดเจนมากขึ้น หลังฉีดวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็มแรก เมื่อตามด้วย mRNA เป็นเข็มที่ 3 ได้ผลดีเทียบเท่ากับฉีดวัคซีน mRNA 3 เข็ม โดยระบุว่า
หลังจากที่โควิดระบาดทั่วโลกมากว่าสองปีนั้น ได้มีการฉีดวัคซีนไปแล้วเกือบ 10,000 ล้านโดส
โดยที่เป็นวัคซีน Sinovac หรือเชื้อตายมากที่สุดราว 22% มีประสิทธิผล 65-85%
วัคซีน Pfizer ฉีดไป 20% ประสิทธิผล 90-95%
วัคซีน Sinopharm ฉีดไป 19% ประสิทธิผล 65-80%
วัคซีน AstraZeneca ฉีดไป 17% ประสิทธิผล 65-80%
วัคซีน Moderna ฉีดไป 5% ประสิทธิผล 95%
แต่ด้วยเหตุที่ระดับภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีน จะลดลงค่อนข้างเร็ว ประกอบกับมีไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมีการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ซึ่งขณะนี้ฉีดไปแล้วมากกว่า 450 ล้านโดส
เนื่องจากวัคซีนมีความขาดแคลนในช่วงแรกมาก จึงทำให้มีการฉีดวัคซีนต่างบริษัทหรือต่างเทคโนโลยีที่เรียกว่าวัคซีนสูตรไขว้ (Heterologous)
ประกอบกับในช่วงต้นพบว่า การฉีดวัคซีนเชื้อตาย แล้วตามด้วยวัคซีนไวรัสเป็นพาหะหรือวัคซีน mRNA มีความปลอดภัยดี ที่สำคัญคือ ได้ระดับภูมิคุ้มกันสูงกว่าการฉีดวัคซีนตัวเดิม
จึงทำให้มีผู้คนสนใจว่า ในกรณีที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1-2 เป็นวัคซีนตัวเดียวกัน เมื่อฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่3 เป็นสูตรไขว้ จะให้ผลดีมากน้อยเพียงใด เมื่อเทียบกับที่เคยทราบถึงผลดีของการฉีดวัคซีนสูตรไขว้จากการฉีดวัคซีน 2 เข็มที่ต่างกันมาแล้ว
กลุ่มนักวิจัยซึ่งทำที่สวีเดน มีอาสาสมัคร 124 ราย (183 ตัวอย่าง) เป็นของสวีเดน 75 ราย เยอรมัน 18 ราย และอิหร่าน 31 ราย ได้ทำการศึกษาใน 5 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่
1. ฉีดวัคซีน Sinovac 2 เข็ม
2. ฉีดวัคซีน Sinopharm 2 เข็ม
3. ฉีดวัคซีน Pfizer 2 เข็ม
4. ฉีดวัคซีน Moderna 2 เข็ม
5. เคยติดโควิดมาแล้ว และฉีดวัคซีน Pfizer 1 เข็ม
โดยทั้ง 5 กลุ่มดังกล่าว เมื่อทำการตรวจดูระดับภูมิคุ้มกัน พบว่าในกลุ่มที่เป็นวัคซีนเทคโนโลยีเชื้อตายคือ SV , SP ได้ระดับภูมิคุ้มกันใกล้เคียงกันมาก เช่นเดียวกับกลุ่มวัคซีนเทคโนโลยี mRNA คือ PZ , MN ก็ได้ผลใกล้เคียงกันมาก
ทีมคณะวิจัยจึงทำการยุบรวมกลุ่มเป็นกลุ่มวัคซีนเชื้อตาย และกลุ่มวัคซีน mRNA โดยได้ทำการฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยวัคซีน mRNA และศึกษาใน 3 ลักษณะด้วยกันคือ
1. ดูระดับภูมิคุ้มกัน (IgG)
2. ดูบีเซลล์ (B-Cell)
.) ดูทีเซลล์ (T-Cell)
ซึ่งปรากฏว่า กลุ่มที่ฉีดเข็ม 1-2 ด้วยวัคซีนเชื้อตายแล้วกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยวัคซีน mRNA ได้ระดับภูมิคุ้มกันสูงสุด 664.9 BAU/ml
ในขณะที่กลุ่มฉีดวัคซีน mRNA 3 เข็มได้ 475.7 BAU/ml และผู้ที่ติดเชื้อตามธรรมชาติแล้วฉีดวัคซีน mRNA ได้ 388.6 BAU/ml ซึ่งลักษณะดังกล่าวนี้ พบในทุกสายพันธุ์ของไวรัสทั้ง โอไมครอน เดลตาและเบตา
เมื่อศึกษาในส่วนที่สองคือ ดูการทำงานของบีเซลล์ ซึ่งเป็นตัวที่จะมีความทรงจำและสร้างภูมิคุ้มกันในภายหลังได้ ก็พบผลในทำนองเดียวกันคือ กลุ่มที่ฉีดวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็มแล้วกระตุ้นเข็มสามด้วย mRNA ได้ผลดี
เมื่อศึกษาในส่วนที่ 3 ดูการทำงานของทีเซลล์ ซึ่งก็จะเป็นกลุ่มที่ทำงานในลักษณะเป็นเซลล์ความทรงจำ เมื่อมีไวรัสเข้ามา ก็จะสามารถทำงานเข้าต่อสู้ได้ ผลก็เป็นเช่นเดียวกันคือ วัคซีนเชื้อตาย 2 เข็มได้ผลดีเช่นเดียวกัน
และการได้ผลดีนั้น ดีกับไวรัสทุกสายพันธุ์ รวมทั้งโอไมครอนด้วย
เนื่องจากการทำงานของบีและทีเซลล์ ซึ่งเป็นเซลล์แห่งความทรงจำ ที่แม้ระดับภูมิคุ้มกันต่ำลงแล้ว เมื่อมีไวรัสเข้ามาอีก ก็สามารถลุกขึ้นมาต่อสู้ได้ จึงทำให้เกิดการติดเชื้อไปก่อน แต่อาการไม่รุนแรง
จึงพอสรุปได้ว่า
การฉีดวัคซีน 2 เข็มแรกเป็นเทคโนโลยีเชื้อตาย แล้วตามด้วยการกระตุ้นเข็มที่ 3 เป็น mRNA ให้ผลในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ในการกระตุ้นบีและทีเซลล์ได้ไม่ด้อยกว่าฉีด mRNA 3 เข็ม และผลตัวเลขออกมาจะดีกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำไป
อาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผล ที่ทำให้สถานการณ์โอไมครอนในระลอกที่สี่ของประเทศไทย มีผู้ที่เจ็บป่วยอาการรุนแรงน้อย เมื่อเทียบกับในยุโรป
อาจจะเป็นเหตุผลที่ว่า เพราะเราได้ฉีดวัคซีนเชื้อตายในเข็มหนึ่งเข็มสองเป็นจำนวนที่มากกว่าในประเทศตะวันตก
อย่างไรก็ตาม คงจะต้องศึกษาให้มีจำนวนตัวอย่างมากกว่าที่สวีเดนนี้ และต้องทำการศึกษาติตามต่อไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอเฉลิมชัย’ ยกเคส แคนาดา เอาจริง!! จ่อเก็บภาษีสุขภาพ คนดื้อไม่ยอมฉีดวัคซีน
- ‘หมอนิธิพัฒน์’ หวั่นไทยซ้ำรอยอังกฤษ-สหรัฐ บุคลากรการแพทย์ติดโควิด
- ‘หมอเฉลิมชัย’ เตือนฟังหูไว้หู!! เดลตาครอน รอหน่วยงานระดับนานาชาติยืนยัน