ผวาโควิดระลอก5 “ศบค.ชุดใหญ่” นัดถกรับมือ “โอไมครอน” วันนี้ เล็งปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ มาตรการป้องกันควบคุมโรค พร้อมปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 ม.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค.จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 1/2565 (ผ่านระบบ Video Conference) ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีวาระการประชุมที่น่าสนใจดังนี้
โดยมีวาระการประชุมที่น่าสนใจ ดังนี้
- ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ
- ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (ศปก.กก.) รายงานความก้าวหน้าการเปิดประเทศ และการดำเนินการสำหรับพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว (แซนด์บ็อกซ์)
นอกจากนี้ ที่ประชุมจะมีการพิจารณาตามที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 กระทรวงสาธารณสุข (ศปก.สธ.) เสนอ ได้แก่
- มาตรการปรับสีพื้นที่ตามสถานการณ์ จะจำกัดจำนวนคน การรวมกลุ่มกิจกรรม และการดื่มสุราในร้านอาหาร
- การปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรค อาทิ การเปิดสถานบันเทิง จากเดิมจะพิจารณาเปิดสถานบันเทิง เนื่องจากหลังช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นต้นมา พบผู้ติดเชื้อในคลัสเตอร์ร้านอาหารกึ่งผับบาร์มากขึ้น ทำให้จะเป็นข้อมูลสำคัญในการตัดสินใจว่า จะเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะหรือไม่
- การปรับมาตรการสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศแบบเทสต์แอนด์โก รวมถึงมาตรการเพิ่มเติมสำหรับจัดการกับสายพันธุ์โอมิครอนที่มีการระบาดอย่างรวดเร็วด้วย
- แผนการให้บริการวัคซีน และแผนการจัดหายารักษาโรคโควิด-19 (ยาต้านไวรัส Paxlovid)
นอกจากนี้ ที่ประชุมจะพิจารณาแนวทางการยกระดับการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาด ตามที่ศูนย์ปฏิบัติการบริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เสนอ
แจ้งเตือนภัยโควิดระดับ 4
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (6 ม.ค.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า ขณะนี้การติดเชื้อโควิดของประเทศไทยเพิ่มขึ้นมากเป็นไปตามคาดการณ์ หากไม่มีมาตรการหรือความร่วมมือของประชาชน อาจติดเชื้อรายวันเกินหมื่นคนในเร็ววันนี้ แต่การเสียชีวิตยังมีแนวโน้มลดลง ดังนั้น แม้สายพันธุ์โอไมครอนมีความรุนแรงน้อย แต่กลุ่มเสี่ยงยังมีโอกาสเสียชีวิตได้ จึงต้องขอให้ผู้ที่ยังไม่รับวัคซีนหรือถึงกำหนดรับวัคซีนมารับวัคซีนเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน
สำหรับการประกาศแจ้งเตือนภัยโควิดระดับ 4 เพื่อขอความร่วมมือ คือ
- งดไปสถานที่เสี่ยงที่ระบบระบายอากาศไม่ดี แออัด ไม่ใส่หน้ากาก งดรับประทานอาหารและดื่มสุราในร้าน
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมรวมตัวจำนวนมาก
- เดินทางข้ามจังหวัดเท่าที่จำเป็น ขอให้งดโดยสารขนส่งสาธารณะทุกประเภท แต่หากมีความจำเป็นขอให้ระมัดระวัง ซึ่งขนส่งสาธารณะมีมาตรการเข้มงวด ทั้งใส่หน้ากาก ตรวจ ATK กรณีใช้เวลาโดยสารนาน
- งดเดินทางไปต่างประเทศ เนื่องจากต่างประเทศมีการระบาดสูง และผู้เดินทางกลับมาติดเชื้อจำนวนมาก และช่วงนี้ขอให้ป้องกันตนเองด้วย VUCA ส่วนมาตรการทางกฎหมาย เช่น การปรับพื้นที่สี หรือการปิดสถานที่ต่าง ๆ ศบค.จะมีการประชุมเพื่อปรับมาตรการวันที่ 7 มกราคม 2565 ต่อไป
“สถานที่เสี่ยงมี 3 ปัจจัย คือ ระบบระบายอากาศไม่ดี คนรวมตัวจำนวนมาก และไม่ใส่หน้ากากอนามัย ดังนั้น โรงงานที่มีระบบระบายอากาศดี เว้นระยะห่าง ใส่หน้ากากอนามัย ไม่จับกลุ่มรับประทานอาหารหรือสูบบุหรี่ร่วมกัน ไม่ถือเป็นสถานที่เสี่ยง หากพบผู้ติดเชื้อไม่แนะนำให้ปิดโรงงาน เพราะเสี่ยงคนงานกระจายตัวกลับบ้านไปแพร่เชื้อ แต่ให้ใช้มาตรการ Bubble & Seal เช่นเดียวกับโรงเรียนก็ไม่ใช่สถานที่เสี่ยง เพราะมีมาตรการดูแลอย่างดี คัดกรองบุคลากรทางการศึกษาเป็นระยะ แต่ต้องลดความเสี่ยงจุดรับประทานอาหารและการรวมตัวทำกิจกรรม” นพ.โอภาส กล่าว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- โควิดไทย ระลอก 5 เต็มตัว ‘หมอนิธิพัฒน์’ จี้รัฐเลิกผ่อนคลาย เริ่ม 5 มาตรการเข้มงวด
- ด่วนที่สุด!! สธ.ประกาศเตือนภัยโควิดระดับ 4 ปิดสถานที่เสี่ยง-ชะลอเดินทางข้ามจังหวัด
- ‘หอการค้าไทย’ ค้านล็อกดาวน์! หวั่นกระทบเศรษฐกิจ-ประเทศต้องนับหนึ่งใหม่