COVID-19

สธ. จำลอง 3 ฉากทัศน์โอไมครอน ร้ายแรงสุดป่วยพุ่งวันละ 3-4 หมื่นราย ตาย 170 ราย

สธ. จำลอง 3 ฉากทัศน์โอไมครอน ระบาดไทย ร้ายแรงสุดกรณีหากไม่มีมาตรการ ไร้ความร่วมมือ ผู้ป่วยอาจพุ่งถึงวันละ 3-4 หมื่นราย เสียชีวิต 170 รายต่อวัน ดีสุดเข้มงวด ป่วยลดเหลือกว่าหมื่นราย เสียชีวิตวันละ 60-70 ราย

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด-19 ฉากทัศน์การแพร่ระบาด และการปฏิบัติตัวของประชาชน ว่า จากการระบาดของโอไมครอน กระทรวงสาธารณสุข จึงได้มอบให้ทางกรมควบคุมโรคจัดทำ ฉากทัศน์โอไมครอนขึ้นโดยพบว่า โอไมครอนระบาดเร็วกว่า ง่ายกว่า แต่ความรุนแรงน้อยกว่าเดลตา

ฉากทัศน์โอไมครอน

จำลองฉากทัศน์โอไมครอนในไทยมี 3 แบบ

แบบที่ 1 Least favourable กรณีอัตราการแพร่เชื้อเพิ่มขึ้นจากการระบาดโอไมครอนในประเทศ มีการฉีดวัคซีนได้ใกล้เคียงกับช่วงเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม แต่ประชาชนให้ความร่วมมือน้อย หรือไม่ให้ความร่วมมือ ไม่มีการป้องกัน จะอยู่สถานการณ์รุนแรง ทำให้มีปัญหาการควบคุมโรคอย่างมาก อาจมีการติดเชื้อรายวันถึง 3-4 หมื่นราย เสียชีวิต 170 รายต่อวัน

แบบที่ 2 ฉากทัศน์ Possible เป็นแบบปานกลาง ตัวเลขผู้ป่วยจะอยู่ที่ 1.5-1.6 หมื่นรายต่อวัน และค่อยๆทรงตัว และค่อยๆลดลง

แบบที่ 3 ฉากทัศน์แบบ most favourable คือ แบบดีที่สุด ป่วยลดเหลือกว่าหมื่นราย เสียชีวิตวันละ 60-70 ราย ซึ่งต้องมีมาตรการค่อนข้างมาก เร่งฉีดวัคซีนทุกกลุ่มได้สูงขึ้นทั้งเข็ม 1 เข็ม 2 และบูสเตอร์ ฉีดมากกว่า 4 ล้านโดสต่อสัปดาห์

ฉากทัศน์

ปัจจุบันเรามาถึงทางแยก เพราะมีการระบาดของโอไมครอน ทางกระทรวงสาธารณสุขอยากให้เป็นเส้นสีเขียว จึงต้องร่วมมือกันอีกครั้ง เพราะไม่อยากล็อกดาวน์ประเทศ

สำหรับการคาดการณ์เส้นกราฟเสียชีวิต เราใช้พื้นฐานของเชื้อที่ว่า ติดเชื้อสูง แต่ความรุนแรงต่ำ อัตราการเสียชีวิตอาจไม่สูงมาก โดยโรคนี้ป่วยได้ แต่ต้องรักษาได้ ไม่ให้เสียชีวิต หรือลดอัตราตายให้มากที่สุด

ล่าสุด สธ. ได้จัดทำระดับการเตือนภัยโรคโควิด ซึ่งขณะนี้อยู่ในระดับ 3 โดยเป็นสัญญาณเตือน ว่า มีการติดเชื้อจากต่งประเทศ ซึ่งวันนี้ (27 ธันวาคม) พบว่า มีผู้ติดเชื้อมาจากต่างประเทศ 92 ราย

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้เสียชีวิตจากโควิดภาพรวมของวันที่ 27 ธันวาคม มี 18 ราย เมื่อพิจารณาจะพบว่า ผู้เสียชีวิต 70-80% ไม่ได้รับวัคซีน ดังนั้น การรับวัคซีนจะลดอาการป่วยหนักและเสียชีวิต จึงจำเป็นต้องเร่งรณรงค์ฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยง

ไตรมาส1

ขณะที่ข้อมูลการฉีดวัคซีน ณ วันที่ 26 ธันวาคม 2564 เวลา 18.00 น. ฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 102 ล้านโดส ส่วนสถานการณ์การติดเชื้อทั่วโลกติดแล้วเกือบ 280 ล้านคน อาการหนัก 8.8 หมื่นคน เสียชีวิตประมาณ 5.3 ล้านคน คิดเป็น 1.94% โดยสหรัฐอเมริกาติดเชื้อสูงสุด

สำหรับอาเซียน ไทยอยู่อันดับที่ 24 มีการติดเชื้อรายใหม่ 2,437 ราย และเสียชีวิต 18 ราย ซึ่งเป็นค่าตัวเลขที่ต่ำที่สุด แต่ข้อสังเกต คือ ขณะนี้ประเทศเวียดนามมีการติดเชื้อกว่า 1 หมื่นรายต่อวัน

สถานการณ์โลกตั้งแต่มีการระบาดขณะนี้ เป็นเวฟที่ 4 ใหญ่ ๆ ซึ่งกำลังไต่ขึ้น คือ การระบาดของโอไมครอนในภาพรวมของโลก แต่เส้นอัตราเสียชีวิตไม่ได้กระดกขึ้นตามอัตราผู้ติดเชื้อ หมายถึงการระบาดของโอไมครอนไม่ได้ทำให้ผู้เสียชีวิตมากขึ้น แสดงว่า อาการส่วนใหญ่ไม่รุนแรง โดยขณะนี้มี 106 ประเทศ

ในส่วนของประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคมเป็นต้นมา สามารถคัดกรองผู้เข้าประเทศ โดยคิดเป็นโอไมครอนสะสม 514 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในการควบคุม มีบางส่วนที่เล็ดลอดและไปเยี่ยมญาติ อาจทำให้เกิดการแพร่เชื้อก่อนหน้านี้ แต่ต้นเชื้อมีประมาณ 500 กว่าราย

อาการ

ส่วนอาการของผู้ป่วยประมาณ 90% เป็นอาการน้อยหรือไม่มีอาการ อาการเล็กน้อยอยู่ประมาณ 10 กว่า% และอาการมาก 3-4% ซึ่งทุกรายได้รับการรักษาแต่เบื้องต้น และให้ยาฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งเมื่อให้ยาตั้งแต่ต้น อาการจะดีขึ้นใน 24-72 ชั่วโมง หลังรับยา และให้จนครบ 5 วัน

ด้านอัตราการใช้เตียงของประเทศ ขอให้ประชาชนมั่นใจ ขณะนี้มีเตียง 1.7 แสนเตียง โดยปัจจุบันเตียงสีแดงเรียกว่า ระดับ 3 เราใช้อยู่ 31.6% มีประมาณ 5,000 เตียง ส่วนเตียงระดับ 2 ใช้ประมาณ 25.6% ส่วนเตียงสีเขียวมีมาก ใช้ประมาณ 6.4% จากเตียงที่มีกว่า 1.1 แสนเตียง

กรณียา ปัจจุบันมียาฟาวิพิราเวียร์สำรองประมาณ 15 ล้านกว่าเม็ด ซึ่งประมาณการณ์ใช้ได้อย่างน้อย 2 เดือน หากมีสถานการณ์ที่ต้องการยา ยังคงมีสำรองและองค์การเภสัชกรรมสามารถผลิตได้

อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังปีใหม่อาจพบติดเชื้อ และเสียชีวิต จึงต้องระมัดระวังตัวป้องกันโรค และขอให้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ทั้งเข็ม 1 เข็ม 2 หรือเข็ม 3 เพราะลดการป่วยหนัก และเสียชีวิตได้ รวมทั้งขอให้มีการตรวจ ATK อย่างสม่ำเสมอ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo