“ผศ.ดร.วรัชญ์” มองต่างมุม ชี้สายพันธุ์อู่ฮั่น น่ากลัวที่สุด เพราะเกิดครั้งแรก ไม่รู้วิธีรักษา ตามด้วยเดลตา แพร่เร็ว ลามทั่วโลก ส่วนโอไมครอน รั้งท้าย โลกมีวัคซีน พร้อมประสบการณ์รับมือโควิด
ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษา ศบค. โพสต์เพจเฟซบุีก Warat Karuchit ชี้สายพันธุ์โอไมครอน ไม่ใช่สายพันธุ์ที่น่ากลัวที่สุดในโลก แต่เป็นสายพันธุ์ดั้งเดิม อู่ฮั่น โดยระบุว่า
ได้ยินบางสำนักข่าวประกาศว่า Omicron นั้นเป็นสายพันธุ์ที่ น่ากลัวที่สุดเท่าที่โลกเลยเจอมา ฟังแล้วน่าขนลุก
แต่ผมคิดว่า ไม่ใช่
สำหรับผม โควิดสายพันธุ์ที่น่ากลัวที่สุด ก็คือ สายพันธุ์อู่ฮั่น สายพันธุ์ดั้งเดิมนั่นแหละครับ ที่น่ากลัวที่สุด เพราะตอนเกิดขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าเป็นโรคอะไร จะรักษาอย่างไร วัคซีนก็ไม่มี คนติดเชื้อและเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะในประเทศจีน (ที่ ณ ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้จำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริง) ไทยก็เจอไปพอสมควรในช่วงแรก
ส่วนอันดับรองลงมา ก็คือ สายพันธุ์เดลตา ที่แพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว ลามไปทั่วโลก โดยเฉพาะอินเดีย อเมริกา ยุโรป ไทยก็เจอตั้งแต่ปลายปีที่แล้วมาจนถึงตอนนี้
แต่เรายังดีที่มีข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์นี้พอสมควร วัคซีนก็ค่อย ๆ มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างน้อยก็รู้ว่า ฉีดแล้วถึงติดก็ไม่ตาย
เปิดเหตุผลทำไม โอไมครอน ไม่น่ากลัวเท่าอู่ฮั่น
คราวนี้ Omicron อาจจะดูน่าตื่นตระหนก เพราะอาจจะแพร่ระบาดได้ง่าย แต่
1. เรารู้แน่ๆว่า เป็นโควิดสายพันธุ์หนึ่ง มีพื้นฐานลักษณะเดิมของโควิด ดังนั้นวัคซีน ยา และเครื่องตรวจ เชื่อได้ว่ายังมีผลช่วยได้พอสมควร
2. ไทย และทั่วโลก ก็ฉีดวัคซีนได้มากพอสมควร ถ้าโชคร้ายเกิดแพร่ระบาดขึ้นมา ผู้ฉีดวัคซีนแล้วก็จะไม่ป่วยหนัก อาจจะสามารถรักษาตัวอยู่บ้าน HI/CI เองได้
3. จากระลอกเดลตาที่เรามีผู้ป่วยหลักหลายหมื่น ทำให้เรา สร้างระบบ ขึ้นมา เพิ่มเตียงเหลือง แดง ที่ตอนนี้ว่างแล้ว รวมทั้งยาที่เราสั่งซื้อไว้มาก เตรียมพร้อมหากเกิดการระบาดอีก เพราะปัจจัยที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมาก คือการเข้าไม่ถึงการรักษา
หากเตียงและยาไม่ขาด เชื่อว่าจะมีโอกาสเสียชีวิตน้อย โดยเฉพาะผู้อายุไม่มาก เพราะโควิดเองไม่ได้เป็นโรคอาการรุนแรงหากรักษาทันและมีวัคซีน และข้อมูลเบื้องต้น ผู้ป่วย Omicron ก็ไม่ได้มีอาการรุนแรง อาจจะน้อยกว่าเดิมด้วยซ้ำ
4. ไทยและทั่วโลกมีประสบการณ์ การคัดกรอง ปิดการเดินทาง ซึ่งครั้งนี้ก็ดำเนินการโดยทันที ไม่รอเหมือนก่อน ทำให้ปิดโอกาสการแพร่กระจายได้มาก
5. จากองค์ความรู้เรื่องโควิดของทั่วโลก ทำให้จะมีการปรับสูตรวัคซีนและยาได้อย่างรวดเร็ว ไม่ล่าช้าเหมือนระลอกแรก ไม่เกินต้นปีหน้า ถ้า Omicron ยังอยู่ ก็น่าจะสำเร็จแล้ว
6. สำหรับไทย ณ ตอนนี้บอกได้เต็มปากว่า ไม่มี Omicron ในประเทศ เพราะจากเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ยังไม่มีผู้เดินทางจากแอฟริกาที่ติดเชื้อ และตอนนี้เราก็คัดกรองอย่างเข้มงวด เชื่อว่าหลุดรอดเข้ามาไม่ง่าย หรือหลุดมาก็ถูกกักตัวและรักษาจนหายแน่นอน และเพื่อนบ้านเราก็ยังไม่พบ จึงไม่น่าจะหลุดมาทางบกหรือทางน้ำได้
เพราะฉะนั้น เหมือนเดิมก็คือ ตระหนักแต่ไม่ตระหนก ไม่ประมาทการ์ดอย่าตก และ #ฉีดวัคซีน ให้มากและเร็วที่สุด ไม่ต้องรอ เพราะ ##วัคซีนที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่ฉีดได้เร็วที่สุด
ผมเชื่อว่าเรารอดได้ครับ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ปลัดสธ.’ ย้ำมาตรการ VUCA ป้องกันโควิดทุกสายพันธุ์ รวม ‘โอไมครอน’
- วัคซีนเชื้อตาย สู้ Omicron ไม่ไหว ‘หมอธีระวัฒน์’ ลั่นฉีดวัคซีนที่มีแค่ ‘ขัดตาทัพ’
- ‘บิ๊กตู่’ สั่งเร่งเครื่อง ดันท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ-เชิงการแพทย์ รองรับยุคโควิด-19
