ปลัด สธ. แนะเข้มมาตรการ VUCA ป้องกันโควิด-19 ได้ทุกสายพันธุ์ รวมถึงโอไมครอน เผยสถานการณ์โควิด ประเทศไทย ลดลงต่อเนื่อง ส่วนการฉีดวัคซีนใกล้บรรลุเป้าหมาย 100 ล้านโดส
นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า สถานการณ์เชื้อโควิดสายพันธุ์น่ากังวล โอไมครอน หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ได้เฝ้าระวังการเดินทางเข้าประเทศอย่างเข้มข้น ในทุกช่องทาง และกระทรวงสาธารณสุขมีการติดตามข้อมูลทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด
สำหรับประชาชนแนะนำให้ใช้มาตรการ VUCA ซึ่งเป็นมาตรการที่จะช่วยให้ปลอดภัยจากโควิด319 ได้ทุกสายพันธุ์ รวมทั้งสายพันธุ์โอไมครอน ได้แก่
1. V: วัคซีน ไปรับการฉีดวัคซีนเพื่อช่วยให้มีภูมิคุ้มกัน ลดอาการหนัก ลดการเสียชีวิต
2. U: ใช้การป้องกันตนเองแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) โดยสวมหน้ากากตลอดเวลา เว้นระยะห่าง ล้างมือ ลดการสัมผัสใกล้ชิด
3. C: COVID Free Setting ทุกกิจการร่วมกันทำสถานที่ให้ปลอดภัย สะอาด ลดความแออัด พนักงานและลูกค้าได้รับวัคซีนครบถ้วน
4. A: ตรวจด้วย ATK เมื่อมีความเสี่ยง
ด้านสถานการณ์โรคโควิด-19 ของประเทศไทย มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องตามการคาดการณ์ โดยภายในเดือนธันวาคม 2564 กระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าหมายควบคุมโรคให้มีผู้ติดเชื้อต่ำกว่า 5,000 รายต่อวัน และเสียชีวิตไม่เกิน 30 รายต่อวัน
ขณะที่ในวันนี้ (30 พฤศจิกายน 2565) มีรายงานผู้ป่วยรักษาหาย 6,407 ราย มากกว่าผู้ติดเชื้อใหม่ที่พบ 4,306 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 75,673 ราย เป็นผู้ป่วยปอดอักเสบ 1,353 ราย และต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 329 ราย อัตราครองเตียงลดลงทำให้มีเตียงเพียงพอรองรับผู้ป่วย
สำหรับผู้เสียชีวิต วันนี้มีรายงาน 37 ราย กว่า 92% เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีและผู้มีโรคเรื้อรังประจำตัว และ กว่า 70% ไม่เคยได้รับวัคซีน
ดังนั้น ขอให้ผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนหรือยังรับวัคซีนไม่ครบโดส ออกมารับวัคซีนซึ่งช่วยลดโอกาสการติดเชื้อ ป้องกันการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้
นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ทุกพื้นที่จัดสัปดาห์รณรงค์การฉีดวัคซีนโควิด 19 ระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน-5 ธันวาคม 2564 เพื่อให้ภาพรวมการฉีดวัคซีนของประเทศไทยถึงเป้าหมาย 100 ล้านโดส หรือ 50 ล้านคน ครอบคลุม 70% ของประชากร
ปัจจุบัน ฉีดวัคซีนสะสม 92,658,390 โดส โดยเข็มแรกฉีดได้ 48,074,050 คน คิดเป็น 66.7% ของประชากร
นายแพทย์เกียรติภูมิกล่าวต่อว่า การระบาดในขณะนี้พบในชุมชน ครอบครัว จากการจัดกิจกรรมรวมกลุ่มกัน ได้แก่ งานศพ งานบุญ ศาสนพิธี งานเลี้ยงสังสรรค์ โดยมีสถานที่เสี่ยง คือ ตลาด แคมป์คนงาน โรงเรียน โรงงาน และร้านอาหาร
โดยเฉพาะร้านที่เปิดให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากมีการใช้เวลาในการกินดื่มนานขึ้น มีการเปิดหน้ากากและพูดคุย ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ จึงควรหลีกเลี่ยงความเสี่ยงดังกล่าวให้มากที่สุด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- วัคซีนเชื้อตาย สู้โอไมครอน ไม่ไหว ‘หมอธีระวัฒน์’ ลั่นฉีดวัคซีนที่มีแค่ ‘ขัดตาทัพ’
- ‘หมอนิธิพัฒน์’ เตือนยกการ์ดสูงสุด เดินทางเข้าไทย สกัดโอไมครอน ห่วงขยายนั่งดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร
- ข่าวดี!! กทม.เปิดรับทุกอาชีพทุกสัญชาติ ลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 เช็คที่นี่