“ดร.อนันต์” ลั่น ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ Omicron แพร่กระจายเร็วขึ้น หลบหนีภูมิคุ้มกันจากวัคซีนโควิดได้ เตือนหาทางรับมือจริงจัง เร่งด่วน
ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) และนักไวรัสวิทยา โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana ถึงการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ Omicron หรือ ไวรัสสายพันธุ์ B.1.1.529 ที่กำลังระบาดในประเทศแอฟริกาใต้ขณะนี้ โดยระบุว่า
ในมุมมองของนักไวรัสวิทยา ไวรัสสายพันธุ์ B.1.1.529 ที่กำลังระบาดในประเทศแอฟริกาใต้ตอนนี้ มีคุณสมบัติหลายประการที่น่ากังวลครับ
ถึงแม้ข้อมูลการระบาดของไวรัสสายพันธุ์นี้ยังมีไม่มาก แต่การเตรียมการป้องกันไว้ล่วงหน้าคงจะดีกว่าการแก้ไขปัญหาหลังจากที่ไวรัสระบาดไปในวงกว้างแล้ว
ไวรัสสายพันธุ์นี้ เชื่อว่าเกิดจากการบ่มเพาะตัวเองในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันไม่ดี ไวรัสมีโอกาสปรับตัวเองหนีภูมิคุ้มกันได้ง่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับสายพันธุ์น่ากังวลอื่น ๆ ที่ผ่านมา
แต่ความน่ากังวลอยู่ที่ไวรัสชนิดนี้ มีการกลายพันธุ์เกิดขึ้นหลายตำแหน่งมาก จนทำให้องค์ความรู้ต่าง ๆ ที่เคยมีมาก่อนกับไวรัสสายพันธุ์อื่น ๆ ที่ใกล้เคียงกัน อาจจะใช้อธิบายพฤติกรรมของไวรัสสายพันธุ์นี้ได้ไม่แม่นยำนัก
ในบรรดาตำแหน่งที่พบการกลายพันธุ์ สรุปประเด็นหลัก ๆ ได้ดังนี้
1. ตำแหน่งที่โปรตีนหนามสไปค์ จับกับโปรตีนตัวรับ (RBD) มีการเปลี่ยนแปลงหลายตำแหน่งมากแบบที่ไม่เคยพบในสายพันธุ์อื่น ๆ มาก่อน ซึ่งทำให้แอนติบอดีที่สร้างขึ้นจากวัคซีน จะจับกับโปรตีนตำแหน่งนี้ไม่ได้ดี รวมถึงยาที่ออกแบบมาจากแอนติบอดีรักษาด้วย
2. ตำแหน่ง 3 ตำแหน่งที่ใกล้จุดตัดตัวเองของโปรตีนหนาม คือ H655Y, N679K และ P681H เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่อาจทำให้ไวรัสเข้าสู่เซลล์ได้ง่ายและแพร่กระจายตัวเองได้ไวขึ้น
3. การเกิดขาดหายไปของกรดอะมิโนที่โปรตีนชื่อว่า Nsp6 (Delta 105-107) ซึ่งพบว่าไปตรงกับสายพันธุ์แอลฟา เบต้า แกมมา และ แลมป์ดา ซึ่งเชื่อว่าช่วยให้ไวรัสหนีภูมิคุ้มกันชนิด innate immunity ที่ร่างกายจะตอบสนองต่อการติดเชื้อแบบฉับพลันหลังติดเชื้อได้
4. การเปลี่ยนแปลงของโปรตีน Nucleocapsid 2 ตำแหน่งสำคัญคือ R203K และ G204R ซึ่งพบได้ในสายพันธุ์แอลฟา แกมมา และ แลมป์ดา ซึ่งมีรายงานว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้ไวรัสติดเชื้อเข้าสู่เซลล์ได้ดีขึ้น
ดูเหมือนว่าการกลายพันธุ์ที่พบได้ในไวรัส B.1.1.529 มีส่วนช่วยหนุนให้ไวรัสตัวนี้เป็นไวรัสที่อาจจะเป็นสายพันธุ์น่ากังวลตัวใหม่ได้ ข้อมูลจากแอฟริกาใต้ดูเหมือนจะพบไวรัสสายพันธุ์นี้มากขึ้นเรื่อย ๆ และ กราฟที่ขึ้นสูงนี้อาจจะมาจากความสามารถของไวรัสที่หนีภูมิคุ้มกันจากวัคซีนได้ และ มีคุณสมบัติการแพร่กระจายที่ดี
เราคงต้องเตรียมตัวรับมือกับไวรัสตัวนี้แบบจริงจังแล้วครับ ตัวนี้อาจจะเป็นความท้าทายของปี 2022 ที่ต้องเหนื่อยกันต่อไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เทรนด์วัคซีนพ่นจมูก มาแรง ดร.อนันต์เผย ผู้นำรัสเซีย อาสาทดสอบ หลายค่ายขยับตาม
- ‘ดร.อนันต์’ ลั่นข้อมูลไม่น่าเชื่อถือ ไม่สมควรแชร์ เคลียร์ชัด ภูมิต้านทาน-การฉีดวัคซีน
- ‘หมอยง’ เปิดจุดอ่อนวัคซีนแบบพ่นจมูกของไข้หวัดใหญ่ บทเรียนสู่โควิด!!