“หมอธีระวัฒน์” เผยกระบวนการทำงานของโควิดในร่างกายมนุษย์ ผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่น ชี้ไวรัสอาจผันตัวมากไป เพื่อเอาชนะมนุษย์ จนอาจแพ้ตัวเอง
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha เผยกระบวนการทำงานของไวรัสโควิด-19 เร่งผันตัวเพื่อเอาชนะมนุษย์ โดยระบุว่า
ปรากฏการณ์ในญี่ปุ่นที่การระบาดของโควิด วูบไป
ผู้เชี่ยวชาญของประเทศญี่ปุ่น ตั้งข้อสังเกตว่า ไวรัสอาจจะผันตัวมากไป เพื่อเอาชนะมนุษย์ จนท่อน nsp14 ที่คอยซ่อมไวรัสไปไม่ไหว และคนเอเซีย อาจมีระบบป้องกันคือ ZAP หรือ Zinc finger antiviral protein และ APOBEC3G ที่มีประสิทธิภาพมาก ในปอด และเม็ดเลือดขาว
ด้านล่างเป็นข้อความที่เผยแพร่ตั้งแต่ กันยายน 2563
แต่ถ้าเป็นตามจริงในประเทศญี่ปุ่นหวังว่าไวรัสจะแพ้ภัยตนเอง ทั้งนี้ร่วมกับวัคซีนที่ประเทศญี่ปุ่นฉีดไปมากกว่า 75% และการรักษาวินัยเคร่งครัด
ในตัวเชื้อโคโรนาไวรัส มีวิวัฒนาการมาเนิ่นนาน ด้วยการผันแปรของรหัสพันธุกรรมแต่ละท่อน ซึ่งมีหน้าที่จำเพาะในการเกาะติดที่เซลล์ ในการกดการต่อสู้ของร่างกาย เพื่อเอื้ออำนวยให้ไวรัสสามารถอยู่ได้ในเซลล์ และเพิ่มปริมาณได้
ในขณะเดียวกัน เข้าไปควบคุมเซลล์เจ้าบ้านให้เอื้ออำนวยพลังงานให้กับไวรัส โดยไม่สามารถขจัดไวรัสออกจากเซลล์ได้ (incomplete autophagy) และในขณะเดียวกันรบกวนการใช้พลังงานในเซลล์จนกระทั่งเกิดภาวะพลังงานล้มเหลว (bioenergetic failure)
นอกจากนั้น มีการเพิ่มประสิทธิภาพในการเพิ่มจำนวนโดยผ่านทาง เอนไซม์ และที่สำคัญก็คือ มีท่อนรหัสพันธุกรรมที่กระตุ้นให้ร่างกายสร้างการอักเสบ ที่รุนแรงเกินควร ผ่านระบบ innate และโยงใยไปถึงการที่มีเลือดข้น เส้นเลือดตันเส้นเลือดอักเสบ อวัยวะหลายส่วนเสียหาย (thrombo-inflammation)
ส่วนสำคัญที่ไม่สามารถอธิบายจากรหัสพันธุกรรมของไวรัสเท่านั้น กลไกเหนือยีน (epigenetics) และเป็นตัวกำหนดตำแหน่งแห่งที่ ที่ไวรัสสามารถอยู่ได้โดยบรรพบุรุษของโคโรนา จะอยู่ในลำไส้ และค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนมาอยู่ในระบบทางเดินหายใจ จนกระทั่งถึงถุงลม และพัฒนาเข้าเลือดรวมกระทั่งถึงเม็ดเลือดขาว
ทั้งนี้เป็นการปรับเปลี่ยน เพื่อให้สู้กับระบบปกป้องไวรัสของร่างกายของเนื้อเยื่อนั้น ๆ คือ ZAP หรือ Zinc finger antiviral protein และ APOBEC3G ที่มีประสิทธิภาพมาก ในปอด เม็ดเลือดขาว
การผันแปรของรหัสพันธุกรรม และจะโยงใยไปกับการแพร่การเพิ่มจำนวน โดยการผันแปรนั้น ส่งผลถึงเซลล์ที่ติดเชื้อ และ มีผลต่อกลไกต่อสู้ของร่างกาย ที่เรียกว่า functional mutation
เพี้ยง ตวามเลว ย่อมสูญสิ้น ทั้งนี้ จะเกี่ยวกับที่ญี่ปุ่น อนุโลมให้ใช้ ไอเวอร์เมคตินหรือไม่ เป็นสิ่งที่ต้องวิเคราะห์
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอธีระวัฒน์’ สะท้อน 7 เรื่องน่าห่วง ‘เปิดประเทศ’ แนะเร่งตรวจ รีบฉีด รักษาเร็ว
- เปิดประเทศ 1 พ.ย. หวั่นคนหย่อนวินัย ไวรัสกลายพันธุ์เล็ดรอดเข้าไทย จุดอ่อนไหวที่ต้องจัดการ
- อย่าตื่นกลัวเกินเหตุ ‘ดร.อนันต์’ แจง ‘อัลฟา พลัส’ ไม่น่าวิตก ตำแหน่งกลายพันธุ์ทำใหไวรัสแพร่ช้าลง