กรม สบส.เตือนแพทย์ และสถานพยาบาลเอกชน ต้องตรวจสอบที่มา ยา วัคซีนที่ประชาชนนำมารับบริการทุกครั้ง หากไม่ผ่านการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องห้ามให้บริการโดยเด็ดขาด
จากกรณี ที่มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อโซเชียลถึงคลินิกแห่งหนึ่งใน จ.สระแก้ว ให้บริการฉีดวัคซีนโควิด 19 ยี่ห้อ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson) แก่ประชาชน ทั้งที่ยังไม่มีรายงานว่าประเทศไทยได้รับการจัดสรรวัคซีนชนิดดังกล่าว
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว แพทย์ประจำคลินิกให้การยอมรับว่ามีการฉีดวัคซีนจริง แต่อ้างว่าคนไข้นำวัคซีนมาให้ฉีด โดยที่คลินิกไม่มีการจำหน่ายวัคซีนยี่ห้อ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน แต่อย่างใดนั้น
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า การที่แพทย์ผู้ให้บริการประจำคลินิกฉีดวัคซีนโควิด 19 โดยไม่มีการตรวจสอบที่มา ยา วัคซีนที่ผู้รับบริการนำมาขอรับบริการ ว่ามีการนำเข้าอย่างถูกต้องและมีการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือไม่นั้น ย่อมมีความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ร่างกายของผู้รับบริการได้
ทั้งนี้เพราะยาหรือวัคซีนที่ขาดการตรวจสอบจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ ก็อาจจะเป็นของปลอม และเถื่อนที่ไม่ได้มาตรฐาน มีการปนเปื้อน หรือเสื่อมสภาพจากการเก็บรักษาที่ไม่ถูกวิธี
กรม สบส.จึงขอเตือนให้แพทย์ประจำสถานพยาบาลเอกชนทุกท่าน ต้องตรวจสอบยาหรือวัคซีนที่ประชาชนนำมารับบริการทุกครั้ง หากยาหรือวัคซีนที่นำมาให้นั้นไม่มีการขึ้นทะเบียนแล้วก็ไม่ควรจะให้บริการ และให้คำแนะนำอย่างเหมาะสมแก่ประชาชน เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ ร่างกาย
การให้บริการฉีดวัคซีนโควิด 19 ที่ไม่ได้นำเข้าอย่างถูกต้อง แพทย์ผู้ให้บริการก็อาจจะมีความผิดตามมาตรฐานวิชาชีพ และจริยธรรมทางการแพทย์
พร้อมกันนี้ ขอให้ผู้ดำเนินการสถานพยาบาล กวดขัน และตรวจสอบให้แพทย์ประจำสถานพยาบาลเอกชนของตนปฏิบัติตามกฎหมายการประกอบวิชาชีพให้ถูกต้อง
กรณีเกิดเหตุไม่คาดคิด หรือผลกระทบต่อร่างกายของผู้รับบริการ จากยาหรือวัคซีนแล้ว ถึงแม้ผู้รับบริการจะนำมาเอง ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลก็จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ในมาตรา 34 (2) ฐานไม่ควบคุม ดูแลให้แพทย์ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบวิชาชีพ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากพบว่าแพทย์ผู้ให้บริการไม่จัดทำประวัติผู้ป่วย ผู้ประกอบกิจการ และผู้ดำเนินการสถานพยาบาล ต้องร่วมรับผิดตามมาตรา 35 (3) ฐานไม่จัดทำเอกสาร หลักฐานของผู้ป่วย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับอีกด้วย
ทั้งนี้ ภาครัฐมีนโยบายให้ประชาชนทุกคนได้รับวัคซีนโควิด 19 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่หากประชาชนท่านใดต้องการรับบริการวัคซีนทางเลือก ก็ขอให้ติดต่อผ่านสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองจากภาครัฐโดยตรงเท่านั้น ไม่ควรนำวัคซีนโควิด 19 ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับ อย.หรือไม่ทราบแหล่งที่มา มาขอรับบริการจากสถานพยาบาล
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เตรียมพร้อม!! ‘ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ’ เปิดจองคิวฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นพรุ่งนี้
- เปิดประเทศ 1 สัปดาห์ คนไทยเริ่มการ์ดตก ‘หมออนุตตร’ เตือนฉีดวัคซีนครบ ยังติดเชื้อได้
- เริ่มจันทร์นี้ ภูเก็ต เปิดวอล์กอิน ฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็ม 1 อ่านเงื่อนไข รายละเอียดที่นี่